ขอเชียร์!! “สมเด็จชิน”

ช่วงนี้หากชาวพุทธเราติดตามบทบาท “สมเด็จชิน” หรือ หรือ “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์”  ที่สื่อตั้งฉายาให้ว่า “สังฆราชน้อย” ที่ผ่านมาน้อยครั้งที่ชาวพุทธจะได้เห็นบทบาทท่านในการสื่อสารกับ “สาธารณะ” แบบตรงไปตรงมา ตั้งแต่เรื่อง “พระอาจารย์ต้น” แห่งธรรมนาวา เข้าเฝ้า “สมเด็จพระสังฆราช” แล้วออกมาโพสต์สาธารณะเลือกพระดำรัส “บางตน” ที่ส่งผลบวกให้กับตนเองเท่านั้น หรือแม้กระทั้งล่าสุดนี้

ตอนพระอาจารย์ต้น  “สมเด็จชิน” คงมองว่าหากปล่อยไปแบบนี้ เสมือน “สมเด็จพระสังฆราช” ประทับตราความชอบธรรมให้ “พระอาจารย์ต้น”  ออกไปโลดแล่นเผยแพร่คำสอนที่ “น่าเคลือบแคลง” สงสัย ว่าไม่เป็นไปตามพระไตรปิฏก ต่อไปได้ จึงให้สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ที่ “สมเด็จชิน” เป็นโต้โผใหญ่ ปล่อยคำสนทนาออกมา “ชุดใหญ่”  ชาวพุทธทั้งประเทศจึงเกิด “ดวงตาเห็นธรรม”  เห็นพระปรีชาสามารถของ “สมเด็จพระสังฆราช” รอบรู้ทั้งด้านปริยัติและปฎิบัติ สมเป็น “สังฆบิดร” สมเป็น “พุทธสาวก” ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ออกมาปกป้องพระธรรมวินัย รักษา “หลักคำสอน” เอาไว้

ขณะเดียวกันคณะสงฆ์และชาวพุทธได้เห็น “ชั้นเชิง” ของ “สมเด็จชิน” สมเป็น “พระเลขานุการ” ในการป้องป้องพระเกียรติ “สังฆบิดร” อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวพุทธทั้งมวล

เรื่อง “ธรรมนาวา” หาก “สมเด็จพระสังฆราช” หาก “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” ไม่เอาความจริงออกมาเผยแพร่ ปานนี้ สังคมสงฆ์คงเกิดการแพร่ระบาดของ “ลิงหลอกเจ้า” กันทั่วประเทศ

ล่าสุด “สมเด็จชิน” ในฐานะแม่กองบาลีสนามหลวง ได้สื่อสารกับสาธารณะอีกครั้งในงานเปิดสอบธรรมสนามหลวงว่า

“ปัจจุบันจึงเกิดคณะบุคคลประเภทที่พากันสอนและพากันเชื่อตามอัตโนมติของตนมากขึ้น ๆ หลายหมู่หลายคณะ ต่างพอใจกันรวบรัดกระทำการลงโดยไม่ศึกษาอ้างอิงพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา ตามกระบวนวิธี วิทยาทางการศึกษาที่ถูกต้อง ประจวบกับเทคโนโลยีการสื่อสารและการผลิตข้อมูลข่าวสาร เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ปัญหาเหล่านี้ลุกลามใหญ่โตอย่างรวดเร็วตามกัน ภาวะเช่นนี้คือมหันตภัยต่อความบริสุทธิ์บริบูรณ์และความยั่งยืนของพระพุทธศาสนา จึงขอให้ท่านผู้บริหารการศึกษา จงพยายามช่วยกันรักษาและพัฒนากระบวนการจัดการพุทธศาสนศึกษาให้เป็นไปตามหลักพระไตรปิฎกและคัมภีร์สำคัญอันอ้างอิงเชื่อถือได้ โดยยึดถือหลักสูตรที่คณะสงฆ์ ได้ตั้งไว้อย่างรอบคอบแล้วเป็นสำคัญ เพื่อให้พระธรรมวินัยยังคงประดิษฐานอยู่อย่างมั่นคง เป็นกลไกในการสร้างเสริมคุณสมบัติที่พึงประสงค์สำหรับพุทธศาสนิกชน..”

ปรากฎการณ์ทั้ง 2 ครั้ง ของ “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” ถือว่า “ขยับตัวแรง” เนื่องจากที่ผ่านมาบทบาทของท่านชอบอยู่ “เบื้องหลัง” มากกว่า “สื่อสาร” กับบุคคลภายนอกตรง ๆ นี้แบบนี้

“สมเด็จชิน” คงมองออกว่าสถานการณ์พระพุทธศาสนาตอนนี้หากปล่อยไปแบบนี้ “อันตราย” ต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาในระยะยาว จึงต้อง “แบรก”  เพื่อมิให้ลุกลาม จนเลยเกินเยียวยา เนื่องจาก “นักสอนธรรม” ที่โดดเด่นอยู่ ณ ตอนนี้ พูดตาม “ปรากฎการณ์” ตามความรู้สึก ที่เกิดขึ้นมากกว่า “แก่นธรรม” ที่แท้จริง  โดยเลือก “ล๊อกเป้า” ไปที่พฤติกรรมพระภิกษุสงฆ์บางรูปเป็น “เป้าหลัก” แล้วผสมเลือกเอา “จารีตประเพณี” ที่ประชาชนคนไทยเชื่อหรือปฎิบัติกันมานานไป..ขย้ำ เช่น ความเชื่อเรื่องของรางของขลัง,หมอดู นาน ๆ เข้าเถอะลามไปถึง พระพุทธรูป อนุสาวรีย์ต่าง ๆ ที่คนไทยเคารพนับถือ

“ผู้เขียน” คิดว่าพวกเราชาวพุทธทั้งพระภิกษุสงฆ์และฆราวาส ต้องร่วมกันถวายกำลังใจให้กับ “สมเด็จชิน” ที่กล้าออกมาป้องป้องพระธรรมวินัย

ในขณะที่พระมหาเถรานุเถระน้อยใหญ่ ตั้งแต่กรรมการมหาเถรสมาคม จนถึง พระระดับศาสตราจารย์ ราชบัณฑิต พวกจบประโยค 9 ต่างเก็บตัว “เงียบ”  รักษาตัวรอดเป็นยอดดี  ไม่มีใครกล้าแม้กระทั้งที่จะออกมา “ตอบ” คำถามในประเด็นที่ถูกออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งเรื่องแบบนี้ “ผู้เขียน” คิดว่าต้องขยับออกมาจากกุฎิกันบ้าง

คงมีแต่ “พระมหาวัฒนา ปัญญาทีโป”  จาก มจร ที่ซัดอาวุธออกมา 1 ดอก แต่แฟนคลับดาวโซเชียลซัดกลับไปประมาณ 100 ดอก ยามนี้คงเลียแผลอยู่ภายในกุฎิ!!

ช่วงนี้!! ต้องเชียร์และถวายกำลังใจให้สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ครับ..

Leave a Reply