“นักวิชาการศาสนา” ออกโรงโต้ “สื่อดัง” ว่า การสอบ “เปรียญธรรม” มิใช่ บันไดไต่ยศ ??

วันที่ 12 มีนาคม 2568  เฟชบุ๊ค ” อำพล บุดดาสาร”  ซึ่งเป็นเฟชบุ๊คส่วนตัวของ รองศาสตราจารย์ ดร.อำพล บุดดาสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ได้โพสต์โต้ การเสนอข่าวของสื่อผู้จัดการออนไลน์ ที่พาดหัวข่าวว่า “เปรียญธรรม=บันไดไต่ยศ พระโกงเพื่อสมณศักดิ์ สถาบันโกงเพราะชื่อเสียง” ว่า การพาดหัวข่าวผู้จัดการอาจมีบางประเด็นคลาดเคลื่อน​ (ในบริบทยุคปัจจุบัน)​ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ในยุคปัจจุบันการสอบได้เป็นเปรียญธรรมไม่ใช่ “บันไดไต่ยศ” โดยตรง มีประเด็นหลัก ๆ ที่สามารถทำความเข้าใจได้ดังนี้

1. สมณศักดิ์เป็นพระราชอัธยาศัย
ในพระพุทธศาสนาสายเถรวาทแบบไทย การเลื่อนหรือการได้รับสมณศักดิ์ (เช่น พระครู–พระราชาคณะ) เป็นพระราชอัธยาศัยของพระมหากษัตริย์ โดยมีคณะสงฆ์เป็นผู้พิจารณาเสนอชื่อ มิได้เป็นสิ่งที่ “อัตโนมัติ” หรือขึ้นตรงเฉพาะกับการสอบได้เปรียญธรรมแล้วจะได้รับการเลื่อนยศสมณศักดิ์เสมอไป

2. การสอบเปรียญธรรมเป็นการวัด “ความสามารถทางธรรม”
เปรียญธรรม (ป.ธ. 3–9) เป็นระบบการศึกษาภาษาบาลีและพระพุทธธรรมในรูปแบบหนึ่ง เน้นที่ความเชี่ยวชาญในพระไตรปิฎกและอรรถกถา การสอบได้เปรียญธรรมจึงชี้วัดถึงศักยภาพด้านปริยัติ (การเรียนรู้พระธรรมวินัยและภาษาบาลี) และเน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนความเข้าใจในคำสอนอย่างถ่องแท้เป็นหลัก

3. เหตุผลที่เคยมีภาพว่า “เปรียญธรรม = บันไดไต่ยศ”
ในอดีต เมื่อมีการเปิดสอบบาลีมากขึ้น จึงมีการเชิดชูพระเถระผู้สอบได้เปรียญเป็นจำนวนมาก เพราะถือว่าเป็น “ผู้ทรงความรู้” ในสายตาสังคมและคณะสงฆ์ ทำให้บ่อยครั้งมีการเลื่อนสมณศักดิ์แก่พระเถระผู้สำเร็จเปรียญธรรมสูง ๆ
อย่างไรก็ตาม คำว่า “บันไดไต่ยศ” ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า “สอบได้เปรียญเมื่อไร อาจได้สมณศักดิ์เสมอ” ทั้งที่จริง ๆ เป็นแต่เพียง “คุณสมบัติ” หรือ “ความรู้ความสามารถ” อย่างหนึ่งซึ่งอาจช่วยให้พระผู้สอบได้นั้นมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในแวดวงคณะสงฆ์ แต่ไม่ได้เป็นเหตุผลอัตโนมัติให้ได้สมณศักดิ์

4. ในปัจจุบันคณะสงฆ์และผู้ปกครองสงฆ์ให้ความสำคัญกับหลายปัจจัย​ ความประพฤติและวัตรปฏิบัติ ของพระเถระรูปนั้น ผลงานด้านการเผยแผ่ หรือด้านการศึกษาที่พระรูปนั้นได้สร้างสรรค์ให้แก่พระพุทธศาสนาและสังคม​ อายุพรรษาและคุณูปการ ในการช่วยเหลืองานคณะสงฆ์​ เหตุปัจจัยเหล่านี้จะถูกนำมาพิจารณาประกอบกัน มิใช่เพียงการสอบผ่านเปรียญธรรมอย่างเดียว

ข้อสนับสนุนว่าการสอบได้เปรียญธรรมยังคงมีคุณค่าโดยไม่ต้องผูกกับเรื่องยศ​ เป็นการส่งเสริมให้พระภิกษุสามเณรได้ศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้ตรงตามหลักการดั้งเดิม ช่วยรักษาภาษาบาลีซึ่งเป็นภาษาบันทึกพระไตรปิฎกไว้ไม่ให้สูญหาย เป็นหลักประกันว่าผู้ที่สอบได้สามารถสืบต่อพระพุทธพจน์ได้อย่างถูกต้อง

กล่าวโดยสรุป​ สมณศักดิ์ เป็นเรื่องของพระราชอัธยาศัย ประกอบกับดุลยพินิจของคณะสงฆ์ ไม่ใช่ผลโดยตรง จากการสอบเปรียญธรรม

การสอบเปรียญธรรม เป็นการวัดความรู้ทางพระพุทธศาสนาและภาษาบาลี ถือเป็นเกียรติคุณด้านวิชาการ มิใช่ช่องทางลัดเพื่อขอเลื่อนสมณศักดิ์​ ทั้งสองเรื่องอาจสัมพันธ์กันทางอ้อม (เพราะพระรูปที่เก่งบาลีและมีคุณธรรมสูง มักเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง) แต่ไม่ได้เชื่อมโยงกันในเชิง “สอบผ่าน = เลื่อนยศ”

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงควรช่วยกันทำความเข้าใจว่าการสอบได้เปรียญธรรมในยุคปัจจุบัน มุ่งเน้นการอนุรักษ์ สืบทอด และสร้างความเข้าใจในหลักพระธรรมวินัย เป็นหลัก ส่วนจะได้รับสมณศักดิ์หรือไม่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบ และขึ้นอยู่กับพระราชอัธยาศัยของพระมหากษัตริย์รวมถึงดุลยพินิจของคณะสงฆ์เป็นสำคัญ

Leave a Reply