เมื่อวันเสาร์ ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๖ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้พระภิกษุนาคในพระบรมราชานุเคราะห์ ๙๙ รูป ซึ่งบรรพชาอุปสมบทเพื่อถวายพระกุศล และถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เฝ้าถวายสักการะและรับประทานพระโอวาท
พระภิกษุนาคในพระบรมราชานุเคราะห์ ๙๙ รูปนี้ ประกอบด้วยข้าราชบริพารในพระองค์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา, ผู้เคยถวายงาน, ข้าราชการทหาร, ตำรวจ, พลเรือน, ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาคเอกชน ตลอดจนประชาชน ทั้งนี้ ได้มีพิธีบรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปเป็นประธานในพิธี จากนั้น พระภิกษุนวกะได้เข้าพำนัก ณ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก จำนวน ๔๘ รูป และวัดพระยายัง กรุงเทพมหานคร จำนวน ๕๑ รูป เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและบำเพ็ญสมณธรรม
โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาท ความตอนหนึ่งว่า
“พระพุทธศาสนานั้น เป็นศาสนาแห่งการศึกษาเล่าเรียน ผู้นับตนเป็นพุทธบริษัท ไม่ว่าบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ จึงมีหน้าที่ศึกษาเล่าเรียนพระธรรม ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว การเป็นชาวพุทธที่แท้ จึงอยู่ที่การนับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะสูงสุด และพากเพียรเล่าเรียนพระธรรมวินัย พร้อมทั้งปฏิบัติอบรมตนตามพระธรรมวินัยที่ได้สดับตรับฟังมานั้น หาใช่อยู่ที่การขึ้นทะเบียน หรือการทำพิธีกรรมใดๆ เพราะฉะนั้น ในเมื่อท่านทั้งหลายมาบวช แม้จะเป็นชั่วระยะเวลาอันสั้น แต่ก็จักไม่ไร้ค่า ไม่เปล่าประโยชน์ หากว่าท่านน้อมนำธรรมะและความรู้ที่ได้อบรมศึกษาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไปศึกษาต่อยอดให้เพิ่มพูนทวียิ่งขึ้น อย่าให้การลาสิกขาจากเพศบรรพชิต เป็นการลาขาดจากการศึกษาพระธรรมในฐานะอุบาสกโดยเด็ดขาด
ขอร้องไว้ประการหนึ่งว่า เมื่อท่านเป็นอุบาสก ขอให้เป็นอุบาสกที่แท้จริง คือขอจงรักษาศีล ๕ ให้ได้อย่างบริสุทธิ์ อย่าให้ด่างพร้อย เพราะศีล ๕ หรือเบญจศีลนั้น เป็นวินัยพื้นฐานสำหรับความเป็นมนุษย์ ขอให้ทุกท่านเป็นผู้มีมนุษยธรรม คือมีศีล ๕ เป็นวินัยประจำชีวิต รับรองว่าท่านจะไม่มีวันตกต่ำ และจะยิ่งรุ่งเรืองด้วยโภคสมบัติ มีสุคติ และพระนิพพานเป็นที่หมายได้ในเบื้องหน้า
อนึ่ง มีเรื่องราวปรากฏในชาดกหลายตอน กล่าวถึง ‘สัจจกิริยา’ คือการอ้างอานุภาพแห่งความจริง มาช่วยระงับดับภัยได้ เมื่อท่านทั้งหลายต่างประสงค์จะถวายพระกุศลเป็นพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ผู้กำลังทรงพระประชวร ท่านมีหน้าที่ที่ต้องรักษา ‘สัจจะ’ ในอันที่จะปฏิบัติธรรม อันมีการรักษาศีล ๕ เป็นต้น ให้ได้เสียก่อน แล้วสัจจะนั้น ย่อมจะมีอานุภาพยิ่งใหญ่ อาจเป็นเครื่องอ้างอิงเพื่ออำนวยสวัสดิมงคลให้บังเกิดได้สมดังใจปรารถนา”
ที่มา : สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
Leave a Reply