ผู้แทน UN – ทูตสหภาพยุโรป กล่าวชื่นชมกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะพันธมิตรผู้ขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

วันนี้ (21 มิ.ย. 67) เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุม ESCAP Hall ชั้น 2 ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร นายเดวิด เดลี เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายเรอโน เมแยร์ ผู้แทน โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย เป็นประธานพิธีเปิดรายงานความก้าวหน้าการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Profile) ของ 15 จังหวัดนำร่อง และผลสัมฤทธิ์ของการขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่ ภายใต้โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งการนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนไปปฏิบัติเชิงพื้นที่ (SDG Localization : Thailand’s Journey Toward Sustainability) ในประเทศไทย โดยมีคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย คณะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด ผู้แทน กรุงเทพมหานคร ผู้บริหารหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน

นายเดวิด เดลี เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาร่วมงานกับพันธมิตรด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่จัดงานสำคัญ SDG Localization : Thailand’s Journey Toward Sustainability และในฐานะตัวแทนของสหภาพยุโรป ตนรู้สึกภูมิใจที่ได้ให้ทุนในการสนับสนุนสิ่งดี ๆ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากความตั้งใจของคุณสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทุกจังหวัด และคนไทยทุกคน ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้งการแปล SDGs เป็นภาษาถิ่น เพื่อนำไปขับเคลื่อนในทุกพื้นที่อย่างจริงจัง การอุทิศตน เสียสละ และความพยายามทั้งหมด และเชื่อได้ว่าก็จะไม่มีโครงการดี ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างมากมายดังที่ปรากฏในข่าว เราทุกคนล้วนมีบทบาทสำคัญในการนำ SDGs ไปใช้ในระดับพื้นที่ การจัดงานในวันนี้ถือเป็นการแสดงออกซึ่งความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างสหภาพยุโรป (EU) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และกระทรวงมหาดไทย (มท.) รวมถึงภาควิชาการ และภาคประชาสังคมในประเทศไทย

“เราทุกคนต่างเคารพและอยู่ในกฎเกณฑ์และค่านิยมสากลในเวทีระหว่างประเทศที่ ซึ่งระบุไว้ชัดเจนในกฎบัตรสหประชาชาติ แต่จากวิกฤตการณ์โลกในปัจจุบันที่ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และไม่เท่าเทียมกำลังทะยานเพิ่มขึ้น ความท้าทาย และการคุกคามสิ่งแวดล้อม ทำให้มนุษย์ทุกคนตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเพื่อลูกหลาน เราต้องช่วยทำให้โลกใบเดียวใบนี้สวยงาม ไม่ว่าจะอีกกี่ 100 ปี ด้วยการ ลงมือทำ (Action Now) เราจึงต้องตั้งใจ และบูรณาการร่วมกันระหว่างภาคีเครือข่ายทั้งหมด ในการทุ่มเทสรรพกำลัง เพื่อแก้ไขปัญหา และใช้ประโยชน์จากจุดแข็งร่วมกัน เช่นเดียวกับประเทศไทย สหภาพยุโรป (EU) และอีกกว่า 190 ประเทศ ก็ได้มีการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วม เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมาย SDGs ให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2030” นายเดวิด เดลี กล่าวในช่วงต้น

นายเดวิด เดลี กล่าวเพิ่มเติมว่า การเป็นหุ้นส่วน (Partnership) ในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน มีการแบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับโลก ระดับประเทศ และระดับประชาชน โดยโครงการฯ นี้ เป็นความพยายามร่วมกันของนานาชาติที่แสดงให้เห็นว่า เราไม่ได้มีเพียงการแสดงเจตนาที่ดีเพียงเท่านั้น แต่โครงการส่งเสริม SDG Localization ของ EU และ UNDP นี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความจำเป็น ในการเปลี่ยนแปลงจากระดับโลกไปสู่ระดับประเทศ โดยกลไกของภาครัฐ ทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น ล้วนมีบทบาทสำคัญในการแปลงวิสัยทัศน์ไปสู่ การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม

เพื่อทำให้คนในชุมชนท้องถิ่นมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น วันนี้จะเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่ง ที่ไม่ได้เป็นเพียงเพื่อแสดงความสำเร็จที่ได้รับจาก 15 จังหวัดนำร่องเท่านั้น แต่ยังเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์กับอีก 62 จังหวัด และที่สำคัญ เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการก้าวไปข้างหน้าของการแปลง SDGs จากท้องถิ่นไปสู่ระดับภูมิภาคในอนาคต ดังนั้น ขอให้ประชาคมทั่วโลกได้มองเข้ามาที่ประเทศไทย และขอให้นำต้นแบบความสำเร็จที่เกิดขึ้นไปขยายผลให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละประเทศของตนต่อไป เพื่อปกป้องโลกเพียงใบเดียวของเราให้อยู่คู่กับเรานานที่สุด

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณ นายเดวิด เดลี เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ประจำประเทศไทย ที่ให้การสนับสนุนเงินทุน ให้กำลังใจ และชื่นชมกับพวกเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ หรือ ผู้แทนของรัฐบาลจากส่วนกลางที่ลงไปทำงานกับคนในพื้นที่ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จที่เกิดขึ้น เพราะประเทศไทยมีโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน และภาคีเครือข่าย (Partnership) ที่เข้มแข็ง ภายใต้การนำของ ผู้นำที่เป็นทางการ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 7,849 แห่ง รวมถึงกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา และผู้นำจากทุกภาคีเครือข่าย ภาควิชาการ ภาคศาสนา ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคสื่อสารมวลชน ซึ่งทั้งหมดถือเป็นองค์ประกอบสำคัญ ดังที่ปรากฏอยู่ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ข้อที่ 17 ขององค์การสหประชาชาติ “Partnership” ซึ่ง นายเดวิด เดลี ได้กล่าวครอบคลุม ประชาชน คือ ประชาชนพลเมืองของโลก สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ เราทุกคนต้อง Change for Good และ Action now โดยยึดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป็นที่ตั้งซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่สอดคล้องเเละมีความสัมพันธ์โดยตรงกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy: SEP) ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่สังคมไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2517 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” กระทรวงมหาดไทยจึงได้น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการนี้เป็นหลักชัยในการดำเนินงาน เพื่อมุ่งสู่การ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เพื่อ ประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน และสังคม ซึ่งได้มีการกล่าวเน้นย้ำการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สู่การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุก ๆ เวที (SEP to SDGs)

“สำหรับ 15 จังหวัดนำร่องที่มาร่วมประกาศความก้าวหน้าการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในวันนี้ จะเป็นแรงผลักดันและความท้าทายทำให้อีก 61 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร เกิดความตื่นตัวและเกิดความตั้งใจในการที่จะร่วมแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อพลเมืองและต่อโลกใบเดียวของเรา ด้วยการช่วยกันลุกขึ้นมาขับเคลื่อนร่วมกับภาคีเครือข่ายให้เกิดความสำเร็จ คือ การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 17 Goals) ที่เรามุ่งมั่น และตั้งใจด้วยการเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมกัน ปัจจุบันโลกมีความเชื่อมโยง ทำให้พวกเราได้ร่วมพูดคุยกับผู้แทนองค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย และผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNDP) อย่างสม่ำเสมอ ผ่านการสื่อสาร คำแนะนำ และความร่วมมือ เพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกันอย่างเข้มแข็ง ภายใต้การสนับสนุนของสหภาพยุโรป (EU) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) รวมไปถึง องค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UN Thailand) ด้วย” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า เรายืนยันว่าพวกเราทุกคนทั้งกรุงเทพมหานคร และ 76 จังหวัดทั่วประเทศ จะร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้ง 17 เป้าหมาย และบรรลุผลสัมฤทธิ์ทั้ง 165 ตัวชี้วัด (KPI) ดังนั้น เราจึงมาร่วมกันในวันนี้ด้วยเจตนารมณ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการเป็น “พลเมืองที่ดีของโลก” ที่มีความรับผิดชอบต่อโลกใบเดียวของเรา และเรารู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความภาคภูมิใจ ภายใต้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็งของพันธมิตรและภาคีเครือข่ายว่าพวกเรามีความตั้งใจส่งต่อโลกใบเดียวที่สวยงามไว้ให้ลูกหลานในอนาคต ด้วยการร่วมลงมือทำร่วมกัน “SDG Localize” จึงเป็นหลักประกันว่า คนรุ่นนี้ตลอดจนรุ่นถัดไปจะมีวัฒนธรรมในการเป็นพลเมืองดีของโลก ที่ยึดมั่นในการทำสิ่งที่ดี “Change for Good” ให้กับทุกพื้นที่ทั่วประเทศของเรา

“ขอขอบคุณ นายเดวิด เดลี เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ประจำประเทศไทย นายเรอโน เมแยร์ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย และพี่น้องภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ที่ให้ความร่วมมือเป็นพันธมิตรของกระทรวงมหาดไทยและ 7 ภาคีเครือข่ายทั้งกรุงเทพมหานคร และ 76 จังหวัด เรามุ่งมั่นและยังคงแสดงออกอย่างชัดเจนถึงจิตสำนึกในการทำงานแบบหุ้นส่วนการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ “Partnership” กิจกรรมในครั้งนี้ทุกท่านจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และนำแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน กลับไปทำในพื้นที่ของเราอย่างตั้งใจจริง แบบทำทันที และทำต่อไป เพื่อให้ความยั่งยืนตามเจตนารมณ์ของเราได้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม ขอให้พวกเราได้มั่นใจว่าเราทุกคนเสียสละเวลามาอยู่ในที่ที่มีความสำคัญยิ่งของมวลมนุษยชาติ ได้ทำสิ่งดีที่สุดในชีวิตนี้ เพื่อส่งผ่านโลกใบเดียวนี้ที่สวยงามให้ลูกหลานของเรา และจงตระหนักว่าภารกิจสำคัญในการทำความดีร่วมกันเพื่อส่งมอบ “โลกที่สวยงาม เท่าเทียม และยั่งยืนของเรา” เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในเพิ่มเติม

ด้าน นายเรอโน เมแยร์ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมวันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากเป็น การแสดงความก้าวหน้าตั้งแต่ที่กระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศได้ให้คำมั่นสัญญาในการเร่งบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ในระหว่างการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในห้องนี้ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เห็นความก้าวหน้านี้และได้ร่วมงานกับ 15 จังหวัดนำร่องในการสนับสนุนการดำเนินการที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาทั้งจังหวัดและประเทศอย่างสำคัญที่สุด เราได้พบกับบุคคลที่มีความทุ่มเทจากหลากหลายภาคส่วนที่ทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อทำให้บ้านเกิดของพวกเขายั่งยืนขึ้น บุคคลที่ทุ่มเทหลายคนอยู่ที่นี่วันนี้ และผมเชื่อว่าเราควรปรบมือให้กับงานที่ยอดเยี่ยมที่พวกเราทุกคนได้ร่วมกันลงมือให้เกิดขึ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จของเราคือความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งไปสู่ความยั่งยืน บุคคลตัวอย่างเช่น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ที่ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ในจังหวัดต่าง ๆ เราได้เห็นความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง จากผู้ว่าราชการจังหวัด ภาคเอกชน องค์กรภาคประชาสังคม นักเรียน และสถาบันการศึกษา ทุกคนทำงานร่วมกันเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนความยั่งยืน

“ขอขอบคุณสำหรับ การสนับสนุนที่ดียิ่งและความร่วมมืออย่างต่อเนื่องทั้งในโครงการ และโครงการอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือระหว่างประเทศ เมื่อเรามองย้อนกลับไปที่ความก้าวหน้าและความท้าทายในการพัฒนาที่ยั่งยืน มันชัดเจนว่านี่เป็นเพียงก้าวแรก ยังมีอีกมากที่ต้องทำ และมันต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญที่สำคัญของแนวทาง Whole-of-Society เรามั่นใจว่าการทำให้ SDGs เป็นจริงยังคงเป็นแกนหลักของความพยายามของ UNDP และยังต้องได้รับการสนับสนุนการขับเคลื่อนจากทุกท่าน และพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่” นายเรอโน กล่าว

Leave a Reply