“วธ.” รวมใจ 5 ศาสนาช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วมอยุธยา

วธ.รวมใจ 5 ศาสนาช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วมอยุธยา ผู้นำพุทธ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์-ฮินดู ซิกข์ และเครือข่าย นำเครื่องสมณบริขารถวายแด่พระภิกษุ สามเณร และมอบเครื่องอุปโภค บริโภคแก่ชาวบ้าน เยี่ยมเยียนให้กำลังใจศิลปินพื้นบ้าน

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 พระธรรมรัตนมงคล เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในกิจกรรมศาสนิกสัมพันธ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย นำเครื่องสมณบริขารถวายแด่พระภิกษุ สามเณร และมอบเครื่องอุปโภค บริโภค แก่ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน และศิลปินพื้นบ้านผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้แทนองค์การทางศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาซิกข์ นายประทีบ การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา เข้าร่วม

นายอิทธิพล คุณปลื้ม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กรมการศาสนา ร่วมกับองค์การศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาซิกข์ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก วัดนาคปรก และวัดสะพาน จัดโครงการศาสนิกสัมพันธ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ระหว่างวันที่ 14 – 15 พฤศจิกายน 2565 มอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 1,100 ชุด ให้แก่ผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วม อันเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างผู้นำศาสนากับศาสนิกชนในพื้นที่ และเยี่ยมเยียนศาสนสถานต่างๆ โดยนำเครื่องสมณบริขารถวายแด่พระภิกษุ สามเณร จำนวน 400 ชุด และมอบเครื่องอุปโภค บริโภค แก่ผู้นำทางศาสนาและศาสนิกชน (พุทธ อิสลาม และคริสต์) จำนวน 600 ชุด และศิลปินพื้นบ้าน จำนวน 100 ชุด โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ประสบภัยในพื้นที่ หมู่ 4, 6 และ 7 ตำบลบ้านป้อม อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา และหมู่ 1, 2 ตำบลไม้ตรา อำเภอบางไทร เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติในเบื้องต้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อว่า การจัดโครงการศาสนิกสัมพันธ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยครั้งนี้ แสดงถึงความห่วงใยของภาครัฐ องค์การทางศาสนาทุกศาสนา และองค์กรเครือข่ายภาคเอกชนที่มีต่อประชาชนชาวไทย เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ และศาสนิกชนทุกศาสนา ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมแก่ประชาชน บนพื้นฐานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งเน้นการสร้างความรัก ความสามัคคีในสังคมไทย โดยทุกองค์การศาสนาในประเทศไทยต้องร่วมกันส่งเสริมให้ศาสนิกชนนำหลักธรรมทางศาสนาไปสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ศาสนิกชนเป็นคนดี มีคุณธรรม ร่วมเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร่วมทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ระหว่างศาสนิกชนต่างศาสนา ทำให้ประเทศมีความสงบร่มเย็นอย่างยั่งยืน

Leave a Reply