ผู้ว่าฯสิงห์บุรี เผยสถานการณ์อุทกภัยเมืองสิงห์ใกล้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมทั้งได้รับเมตตาจาก “พระครูต้น” นำพระสงฆ์สาธารณสงเคราะห์ร่วมมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีพี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบใน 6 อำเภอ 30 ตำบล 13 ชุมชน 191 หมู่บ้าน 21,727 ครัวเรือน ซึ่งจังหวัดสิงห์บุรี ได้บูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุและบริหารจัดการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตั้งแต่เริ่มต้นสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 พ.ย. 65) มีบ้านเรือนกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 21,652 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 99.65 ในพื้นที่ 5 อำเภอ คือ อำเภออินทร์บุรี พรหมบุรี ค่ายบางระจัน บางระจัน และอำเภอท่าช้าง และคงเหลือบ้านเรือนที่ยังคงได้รับผลกระทบ 75 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 0.35 ในพื้นที่อำเภอเมืองสิงห์บุรี เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ในพื้นที่เกษตร
“เมื่อวานนี้ ได้ให้การถวายการต้อนรับ พระครูสมุห์วัชระ ภทฺทธมฺโม (พระครูต้น) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร และคณะ ในการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อมอบเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อเยียวยาและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลบางน้ำเชี่ยว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จำนวน 400 ชุด ซึ่งอำเภอพรหมบุรีเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา ซึ่งการได้รับเมตตาในครั้งนี้ สร้างความปลื้มปิติกับชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป โดยได้รับความอนุเคราะห์จากทางเทศบาลตำบลบางน้ำเชี่ยวอำนวยความสะดวกด้านสถานที่และการบริการเข้ารับสิ่งของให้กับประชาชน” ผวจ.สิงห์บุรี กล่าว
พระครูสมุห์วัชระ ภทฺทธมฺโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้ญาติโยมพุทธศาสนิกชน และทุกศาสนิกต่างได้รับความเดือดร้อน เกิดความทุกข์ ทรัพย์สินเสียหาย อาหารการกิน บ้านเรือน เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ได้รับความเสียหาย ซึ่งเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้โปรดมีบัญชาให้คณะสงฆ์ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินงานด้านการสาธารณสงเคราะห์ ซึ่งมีเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เป็นผู้นำคณะสงฆ์ในการช่วยเหลือสงเคราะห์บรรเทาความทุกข์ยากของประชาชน และเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้โปรดเมตตาร่วมสนับสนุนส่งเสริมในการสาธารณสงเคราะห์ในช่วงอุทกภัยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงพื้นที่อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรีในวันนี้ อาตมภาพ มีความตั้งใจที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของพระบรมศาสดา ซึ่งทรงมุ่งหวังให้พระสงฆ์เข้าไปช่วยเหลือสังคมเท่าที่จะทำได้ ดังพุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า “พระภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวจาริกไป เพื่อการบำเพ็ญประโยชน์ต่อปวงชน เพื่อการเสริมสร้างความสุขต่อปวงชน และเพื่อเมตตานุเคราะห์ต่อประชาชนชาวโลกทั้งปวง” โดยฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ได้น้อมนำพุทธพจน์ดังกล่าว และพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชมาขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมความร่วมมือภาคีเครือข่าย และโครงการสาธารณสงเคราะห์เพื่อสังคมที่ยั่งยืน ตามหลักการดำเนินการ 4 ประการ คือ 1) สงเคราะห์ 2) เกื้อกูล 3) พัฒนา และ 4) บูรณาการ ซึ่งคณะสงฆ์วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร จะได้ร่วมดำเนินงานสาธารณสงเคราะห์เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการบรรเทาเบาบางความเดือดร้อนทุกข์ยากตามกิจของสงฆ์อย่างต่อเนื่องต่อไป
นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดสิงห์บุรี จะได้ดำเนินการในด้านการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์ในฐานะภาคีเครือข่ายผู้นำศาสนาอย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้มีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืนระหว่างฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เมตตาเป็นองค์อุปถัมภ์ และบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือดำเนินโครงการ “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข” โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เป็นองค์อุปถัมภ์ เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนชาวสิงห์บุรีทุกครัวเรือนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขโดยเร็ว และมีความสุขอย่างยั่งยืนต่อไป
Leave a Reply