เรื่องเล่า..เจดีย์มอญบ้านทุ่งก้างย่าง

พยายามหาข้อมูล “มอญบ้านทุ่งก้างย่าง” ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี อยู่นานพอสมควรว่าเหตุไฉนชุมชนมอญบ้านหลายพันหลังคาเรือนที่เคยเจริญรุ่งเรืองเสมือน “เขตปกครองอิสระ” แห่งหนึ่งในช่วงปี 2500 – 2521 ถูกลบเลือนไปจากความทรงจำของสังคมไทยและอนุชนคนมอญรุ่นหลัง นอกจากคำเล่าขานอันเป็นตำนานที่ถูกปล่อยออกมาว่า “มอญทุ่งก้างย่าง” มีผู้นำมอญบางคนคิดจะค้าอาวุธและตั้งกองกำลังเป็นของตนเองแล้ว ข้อมูลความยิ่งใหญ่และความเจริญของหมู่บ้านมอญทุ่งก้างย่างก็ห่างหายไปจากสารบบประเทศไทยไป มีคนบอกเล่าว่า “พิสัณฑ์ ปลัดสิงห์” ปัจจุบันอายุ 80 กว่าปีแล้วเคยเขียนเป็นเรื่องเล่ามอญบ้านทุ่งก้างย่างเอาไว้ พยายามหาและขอหนังสือก็ยังไม่ได้ ค้นดูประวัติการสร้างโรงเรียนบ้านทุ่งก้างย่างระบุว่าคนขอให้สร้างในปี 2508 ปรากฏชื่อว่า นายชัยยศ ปิ่นสุกาญจน์ ไม่มั่นใจว่าเป็นคนเดียวกันกับคนมอญเรียกผู้นำสุงสุดในหมู่บ้านทุ่งก้างย่างสมัยนั้นว่า “อาจารย์ยัพ” หรือไม่ หากท่านผู้นี้จริง ผิดพลาดประการใดไม่ทราบมีเรื่องเล่าว่า อาจารย์ยัพคือทหารสังกัดในกองพล 93 ของพรรคก๊กมินตั๋ง ภายใต้การนำของเจียงไคเช็ค ในปี 2492 หลังพรรคก๊กมินตั๋งถูก “จีนแดง” ตีทัพร่นเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารตั้งหมู่บ้านและชุมชนของตนเองอาศัยอยู่ในพื้นที่ดอยแม่สลอง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย และหมู่บ้านถ้ำง้อบ ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันกลายเป็นคนไทยหมดแล้ว แต่ยังรักษาอัตลักษณ์ของตนไว้อย่างเหนียวแน่น

“บ้านทุ่งก้างย่าง” มีลักษณะเฉกเช่นเดียวกับกับดอยแมสลองและบ้านถ้ำง๊อบภายใต้การนำของอาจารย์ยัพ ซึ่งเป็นทหารสังกัดในกองพล 93 แยกตัวออกมาสร้างชุมชนของตนเอง และเชิญชวนคนมอญในยุคนั้นมาร่วมกันทำมาหากินในพื้นที่ ๆ อาจารย์ยัพดูแล ซึ่งเชื่อกันว่า มีฝ่ายมั่นคงไทยและซีไอเอคอยดูแลและหนุนหลังอยู่

ประมาณปี 2520-2522 รัฐบาลไทยมองว่าหมู่บ้านมอญทุ่งก้างย่างนับวันยิ่งขยายขึ้นมีบ้านเรือนหลายพันหลังคาเรือน แม้ภาครัฐขอให้ทำบัตรประชาชนเป็นคนไทยก็ไร้คนทำ ท่ามกลางข่าวลือว่ามีการตั้งกองกำลังติดอาวุธและค้าอาวุธ จำเป็นต้อง “สลายหมู่บ้าน” จึงขอความร่วมมือให้ย้ายไปที่อื่นหรือบางครัวเรือนไม่มีที่ไป ทหารกองพลที่ 9 ก็ยินดีบริการรถไปส่งแถวสังขละบุรีและเจดีย์สามองค์ให้ สุดท้ายหมู่บ้านมอญทุ่งก้างย่างก็ “ล่มสลาย” เหลือไว้แต่เพียงร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์และตำนานที่เล่าขานการล่มสลายของหมู่บ้านแห่งนี้จริงบ้างไม่จริงบ้าง แล้วแต่ “มุมมอง” ของแต่ละคน

“พระเจดีย์ศิลปะมอญ” ตั้งตะหง่านสวยงามเด่นสง่าบนภูเขาทุ่งก้างย่าง มองลงไปเห็นทุ่งราบกว้างใหญ่ผ่านหมู่บ้านที่ผู้คนเคยอาศัยอยู่หลายพันครัวเรือน มีผู้คนหลายหมื่นคน เห็นเทือกเขาตะนาวศรีทอดนอนยาวขวางกั้นระหว่างแดนไทยกับพม่าดูแล้วสวยงามยิ่งยามพระอาทิตย์ตก ยิ่งสวยงาม พระเจดีย์ศิลปะมอญองค์นี้ สิ่งเดียวที่ยังหลงเหลือคงไว้เป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงซึ่งความยิ่งใหญ่ของหมู่บ้านมอญแห่งนี้จากข้อมูลเอกสารภาษามอญเขียนด้วยลายมือลงชื่อเจ้าอาวาสวัดมอญทุ่งก้างย่างระบุว่า “เจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2516 แล้วเสร็จวันที่ 22 มีนาคม 2519 ในขณะที่เขียนท่านมีอายุ 80 พรรษา 57 ไม่สามารถดูแลต่อไปได้แล้ว จึงอนุญาตให้ใครก็ได้ที่มีความสามรถไปบูรณะปฎิสังขรณ์ตามใจชอบได้..”

“ผู้เขียน”เคยขึ้นไปสักการะเจดีย์องค์นี้ประมาณเมื่อปี 2559 สมัยที่มีพระสงฆ์มอญและชาวมอญกลุ่มหนึ่งร่วมกันบูรณะปฎิสังขรณ์ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ขึ้นไปสักการะถูกปล่อยให้รกร้างทรุดโทรมตั้งแต่นั้นมา จนถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้มีเหตุบังเอิญกลับบ้านพ่อและแม่ที่สวนไทรโยค น้ำไม่ไหล อยากไปดูต้นน้ำที่เคยของบประมาณ 36 ล้านบาท จากกรมชลประทานยุค ดร.ทองเปลว กองจันทร์ เป็นอธิบดี ตอนหลังย้ายไปเป็นปลัดกระทรวงเกษตร ก็ตามให้อยู่ แต่มีแกนนำบ้านทุ่งก้างย่างบางคนไม่เห็นด้วยที่จะกระจายน้ำมายังอีกหมู่บ้านแห่งหนึ่ง “ผู้เขียน” เห็นว่ามีความเห็นต่างในพื้นที่ ไม่อยากวุ่นวาย แผนนี้จึงถูกพับไป  ขับรถไปเห็นเจดีย์บนภูเขาท่ามกลางความแห้งแล้งและมีร่องรอยของไฟป่า ตระเวนขับรถดูร่องรอยแห่งหมู่บ้านแห่งนี้ปัจจุบันสวนมะพร้าวขนาดใหญ่ไม่มีแล้ว บ้านเรือนหายเกลี้ยง มีแต่หมู่บ้านที่ราชพัสดุจัดสรรที่ดินให้เกิดขึ้นใหม่ มีห้องแถวเก่า ๆ ของทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 พยายามหาทหารในพื้นที่เพื่อถามว่า หากต้องการบูรณะเจดีย์จะต้องทำอย่างไร แต่ไม่เห็นทหารสักนาย จึงโทรหานายเทศมนตรีเทศบาลไทรโยค และพลเอกธงชัย เกื้อสกุล ซึ่งเป็นทหารที่เคยอยู่ในพื้นที่ยุคก่อนปี พ.ศ.2520 ซึ่งทั้งสองท่านยินดีประสานให้ทั้งทหารในพื้นที่และระดับบน ความหวังเริ่มมี จึงติดต่อกับลูกหลานคนมอญที่เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่บ้าง พยายามหาข้อมูลการสร้างเจดีย์บ้าง  สุดท้ายนายกเทศมนตรีเทศบาลไทรโยค มอบให้ “พี่สมหวัง” ซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายมอญในพื้นที่รับเป็นแม่งานหลักในการประสานกับคนมอญในพื้นที่โดยมีสมาชิกเทศบาลในพื้นที่ตั้งเจดีย์เป็นแม่งานสนับสนุน งานจึงเดินหน้าแบบราบรื่นทั้งประสานกับหน่วยทหารและเจ้าหน้าที่อุทยาน

อนาคตหากไม่ผิดพลาดประการใดเท่าที่คุยกับนายกเทศมนตรีไทรโยค สถานที่ตั้งเจดีย์แห่งนี้อาจพัฒนาไปสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เนื่องจากหมู่บ้านมอญทุ่งก้างย่างมีเรื่องเล่ามีประวัติศาสตร์ และที่สำคัญที่ตั้งของเจดีย์อยู่ห่างจากถนนใหญ่ไม่เกิน 2 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวท่านใดต้องการจะเดินทางไปเที่ยวสังขละบุรี ทองผาภูมิ หรือน้ำตกไทรโยคใหญ่  หากต้องการสักการะบูชาเจดีย์ศิลปะมอญแห่งนี้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว พร้อมกับเก็บภาพบรรยากาศสวยงามก็ไม่ควรพลาด..ทั้งหมดที่เล่าคือความเป็นมาของหมู่บ้านมอญทุ่งก้างย่างพอสังเขป และรวมทั้งจุดมุ่งหมายในการบูรณะซ่อมแซมเจดีย์แห่งนี้

ที่เล่ามานี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น เป็นเรื่องเล่าจากประชาชนคนมอญและลูกหลานที่เคยอยู่ในพื้นที่ตรงนั้น ข้อมูลเหล่านี้นำไปอ้างอิงอะไรไม่ได้ ทั้งประวัติความเป็นมาของการสร้างเจดีย์จากลายมือเจ้าอาวาสที่เป็นภาษามอญที่ระบุไว้เป็นจุลศักราช 1335 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 วันศุกร์ เมื่อค้นดูในปฎิทิน 100 ปี เป็นวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2516 มิใช่วันศุกร์ตามที่เจ้าอาวาสท่านระบุไว้

การบูรณะเจดีย์แห่งนี้ต้องร่วมด้วยช่วยกัน เนื่องจากตรงนั้นไม่มีวัดและคนดูแลแล้ว ถือว่าเป็น “สมบัติของแผ่นดิน”  ที่ทุกภาคส่วนต้องพื้นฟูและพัฒนา เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอด  ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยกันครับ..

Leave a Reply