“หงุดหงิด” งานวิสาขบูชาโลก

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมาเห็นคณะสงฆ์และชาวพุทธหลายประเทศเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชากันอย่างยิ่งใหญ่ไม่เว้นแม้กระทั้งประเทศมาเลเซีย  ตอนแรกคิดในใจว่า เอ!! ทำไมประเทศไทย “เงียบผิดปกติ”  หรือ “ศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก” ที่คณะสงฆ์และชาวพุทธไทย ปลื้มหนักหนา หรือหมดงบโฆษณาหลอกชาวพุทธโลกแล้วหว่า?? ตั้งคำถามในใจ

เมื่อวาน “พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส”  ผอ.วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ในฐานะเลขานุการจัดงาน “วันวิสาขบูชาโลก” ในประเทศไทย โทรมาคุยและบอกว่า ประเทศไทยเราจะจัดงานวันวิสาขบูชาโลกระหว่างวันที่ 1 – 2 มิถุนายน 2566 นี้ ช่วยเขียนข่าวให้หน่อย

“ผู้เขียน” บอกตรง ๆ ว่า ไม่มีข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับงานวิสาขบูชาโลก ที่ประเทศไทยจะจัดขึ้น แม้พระอาจารย์หรรษา จะบอกว่า ให้นิมนต์คณะสงฆ์รามัญและคนรามัญมาร่วมประชุมด้วยก็ตามที

ทุกอย่าง “เงียบฉี่” เหมือนประเทศไทยไม่ใช่ “เมืองพระพุทธศาสนา” ยิ่งคณะสงฆ์ยิ่งไม่ค่อยให้ความสนใจ สนใจแต่ว่า “วันวิสาขบูชา” ปีนี้จะ “หาเงินเข้าวัด” ด้วยวิธีไหนเท่านั้น  ไม่ต้องไปพูดถึง “รัฐบาล” ณ ตอนนี้ ทุกอย่าง “เกียร์ว่าง” ไปหมด อาจเนื่องจากอยู่ในโหมด “เลือกตั้ง” 

“พระพรหมบัณฑิต”  ประธานสมาคมสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก เคยบอกว่า “การจัดงานวิสาขบูชาโลก ถือว่าเป็นหน้าตาของประเทศไทย และถือว่าเป็นบทบาทหน้าที่ของ มจร ที่ประมุขชาวพุทธ นักวิชาการและรวมทั้งชาวพุทธนานาชาติ รู้จัก มจร ก็เพราะจัดงานวิสาขบูชาโลกนี้แหละ “ และเพราะการจัดงานวิสาขบูชาโลกในยุคที่ “พระพรหมบิณฑิต” เป็นอธิการบดี มจร  ทำให้ มจร  ดังเป็นพลุแตก ไม่เสียงบประชาสัมพันธ์สักบาท ยุคนั้นรู้จักทั่วโลก มจร เฟื่องฟู จนทำให้ “มจร” ยุคนี้กินบุญเก่าที่ พระพรหมบัณฑิต สร้าง ทำให้มีนิสิตจากทั่วโลกมาเรียน มจร ไม่ต่ำกว่า 1,200 รูป/คน จากเกือบ 30 ประเทศ

เสียดาย..ผู้บริหาร มจร ยุคนี้  “ไม่สืบสาน รักษา ต่อยอด” สิ่งที่พระพรหมบัณฑิตสร้างไว้

เมื่อวานเข้าไปติดต่อขอข้อมูลงานวิสาขบูชาโลกที่ วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติหรือ IBSC พร้อมกับขอหนังสือเชิญที่มอบรายชื่อให้ “เจ้าหน้าที่หญิง” คนหนึ่งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว ตามความเมตตาของพระมหาหรรษา ธมฺมหาโส  คุยไปคุยมา ให้กรอกโน้นนี้นั้นและเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด

บอกเจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นตรง ๆ ว่ากรอก “ไม่เป็น” และทุกปีก็ไม่มีให้กรอกแบบนี้

สุดท้ายได้ยินคำว่า “พี่มาเพิ่มงานให้พวกหนู”   ขนหนังสือกลับทันที..

แวะไปหาข้อมูลพูดคุยกับนิสิตนานาชาติ  2-3 รูป เนื่องจากทุกปี “งานวิสาขบูชาโลก” แบบนี้ “ฝ่ายต่างประเทศ”  จะให้นิสิตนานาชาติเป็น “อาสาสมัคร” คอยรับดูแลแขกผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นพระเถระผู้ใหญ่ ซึ่งปีนี้มาจากหลายประเทศ ทั้งศรีลังกา พม่า เวียดนาม ภูฎาน จีน และอีกหลายประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือใช้ “ซื้อขนมยายอัดขนมยาย” ให้นิสิตซึ่งมาจากประเทศต้นทางนั่นแหละต้อนรับกันเอง

ปีนี้ “เงียบสนิท”  

จะขึ้นไปตามฝ่ายประชาสัมพันธ์ มจร ตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเป็น รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์ ใครรับผิดชอบ รู้จักแต่ พี่สมหมาย สุภาษิต คนเดียว พี่แกก็เดินวิ่งจับกล้องถ่ายทอดสดทั้งวัน จน “มืดแปดด้าน”

“ผู้เขียน” บอกตรง ๆ ว่า “หงุดหงิด” ทั้งได้ยินจาก “เจ้าหน้าที่ IBSC” บอกว่า มาเพิ่มงานให้พวกหนู ความไม่กระตือรือร้นของ “ผู้บริหาร มจร” ในการจัดงานสำคัญแบบนี้ ทั้ง ๆ ปล่อยให้ “คนทำก็ทำไป” คนไม่อยากทำ “เกียร์ว่าง” กินภาษีประชาชนไปวัน ๆ

“งานวิสาขบูชาโลก” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 มิถุนายน 2566 นี้ ตามกำหนดการหัวข้อไว้ว่า “พุทธปัญญากับการรับมือวิกฤติโลก”  ดูแล้วการจัดงานวิสาขบูชาโลกปีนี้น่าจะวิกฤติกว่า แต่อ่านในกำหนดการวันแรกจัดที่หอประชุมใหญ่ มวก. “สมเด็จพระสังฆราช” เสด็จมาเป็นประธานเปิดงาน วันที่ 2 จัดที่อาคารยูเอ็น ถนนราชดำเนิน ประธานเปิดงานคือ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เห็นกำหนดการตามนี้แล้วบอกตามตรงว่า “ปลื้มปีติ” ใจฟื้นขึ้นมาหน่อย

เหลือเวลาอีกประมาณ 20 วันหวังว่าการจัดงานวันวิสาขบูชาโลก ประเทศไทย คณะสงฆ์ไทย และ มจร คงไม่ทำให้เสียหน้า คงไม่ทำเป็นเพียงแค่งาน “รูทีน” สักแต่ว่าขอให้ได้ทำ!!

งานแบบนี้มันต้องร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมกันสร้างสรรค์ อย่าบอกว่า มันคือ ภาระหรือเพิ่มงานให้ ใครไม่อยากทำ ใครไม่อยากรับภาระตรงนี้ “ผู้บริหาร” ต้องหาคนมาแทนให้ได้

พระพรหมบัณฑิต ราชบัณฑิต  บอกว่า “ผลัดกันดี ดีทุกคน ชิงกันดี ไม่ดีสักคน” น่าจะหัดใส่กะโหลกกันบ้าง!!

Leave a Reply