กลุ่มศิษย์เก่าวัดหนองกุง ให้กำลังใจ “พระเทพวิสุทธิคุณ” ยกเป็น “ครูของครู”

วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๖ หลังจากเกิดเหตุการณ์พระเทพวิสุทธิคุณ เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น เขกหัวสามเณร จนเป็นข่าวปรากฏหลายสื่อสำนัก มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ล่าสุดค่ำวันนี้กลุ่มลูกศิษย์ในนาม “ศิษย์เก่าวัดหนองกุง” นำโดย พระมหาใจ เขมจิตฺโต ปธ.๙ วัดชนะสงคราม  อาจารย์ สรณา อนุสรณ์ทรางกูร มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี เป็นต้นได้ให้กำลังใจยกให้ท่านเป็นพระมหาเถระผู้เป็นต้นแบบทางความคิด ทางการกระทำ พร้อมกับเผยแพร่บทความเพื่อให้กำลังใจ ดังมีรายละเอียดว่า.. โบราณว่า ช่างตีหม้อ กะหวังตีให้ทรงงาม บ่แม่นตีตามใจ แตกทะลายเพม้าง

ช่างหม้อตบตีหม้อ          ก็หวังรูปทรงงาม

ไม่ใช่ตีตามใจ               แตกทะลายแล้วโยนทิ้ง

ครูอาจารย์ตีศิษย์เชื้อ      ก็หวังผลเรืองรุ่ง

ไม่ใช่ตีมุ่งร้าย               หมายให้เสื่อมทราม.

ธรรมดาศิษย์ที่เคยได้รับการอบรม ย่อมเข้าใจวิธีของครูบาอาจารย์ของตนมากกว่าผู้ไม่ได้เป็นศิษย์ หรือผู้มีอคติด้วยประการอื่นๆ เพราะการพิจารณาการกระทำของท่านไม่ใช่เรื่องยาก พระเดชพระคุณหลวงพ่อ “พระเทพวิสุทธิคุณ” หรือหลวงพ่อ “เจ้าคุณถนอม” เป็นพระมหาเถระแห่งจังหวัดขอนแก่น ที่มีผลงานด้านการศึกษาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แม้ว่าจำนวนนักเรียนจะน้อยลง แต่ปณิธานการเป็นครู ไม่เคยหยุดการทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา

หลวงพ่อเคยบริหารสำนักเรียนบาลี จนมีสถิติสอบได้เป็นสำนักเรียนอันดับ ๑ ของภาค ๙ และเคยเป็นสำนักเรียนอันดับ ๑ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือยุคหนึ่ง (ดูสถิติย้อนหลัง) เคยปกครองพระเณรนักเรียนบาลีในวัดเล็กๆ พื้นที่จำกัด ๒๐๐ กว่ารูปต่อปี จนถึงยุคที่ผู้บวชเรียนน้อยลง จึงเหลือเพียงโรงเรียนการกุศลของวัดในปัจจุบัน เป็นพระมหาเถระที่สร้างวัดด้วยกำลังสติปัญญาของท่าน ไม่เน้นความงดงาม อลังการ ที่ต้องใช้ทุนมาก แต่เพียงพอเป็นที่อยู่อาศัยปฏิบัติหน้าที่ของพระภิกษุสามเณรเท่านั้น และพอสำหรับสาธุชนจะมาฟังธรรม ปฏิบัติธรรม

หลวงพ่อ เป็นพระมหาเถระที่มุ่งทำงานเผยแผ่ อุทิศชีวิตให้กับการเผยแผ่ธรรม ไปแสดงธรรมทุกสถานที่ แม้ว่าจะใกล้หรือไกลเพียงใด บางวันจนแทบไม่ได้จำวัด ต้องพักในรถ โดยเฉพาะในฤดูทำบุญกฐิน และถ้าไปแสดงธรรมในงานของคณะสงฆ์ เช่น งานปริวาสกรรม งานปฏิบัติธรรม ท่านจะมุ่งไปช่วยมากกว่า เพราะท่านอุทิศชีวิตเพื่องานพระพุทธศาสนา หลวงพ่อไม่ได้แสดงธรรมเพราะเห็นแก่ลาภ

ดังนั้น ถ้าเป็นงานแสดงธรรม ท่านจึงไม่เลือกว่างานของใคร ไม่มีงานเล็ก งานใหญ่ ไปทุกที่ที่โยมต้องการฟังท่านแสดงธรรม โดยเฉพาะเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการแสดงธรรมของท่าน คือ พูดตรง เสียงดัง ฟังชัด ในสำเนียงไทยอีสานผสมภาษาไทย ซึ่งเป็นลักษณะส่วนตัวของท่านที่ใช้ในการอบรมพุทธบริษัท เป็นที่รู้กันในพระมหาเถระภาคอีสานทุกจังหวัด พระภิกษุสามเณรหรืออุบาสกอุบาสิกา “ทั่วภาคอีสาน” ไม่ใช่เพียงแค่จังหวัดขอนแก่น

พระมหาเถระ อายุ ๗๓ ปี ที่แบกภาระงานด้านพระพุทธศาสนามาแต่อุปสมบท มีศิษย์ใหญ่เป็นร้อย ศิษย์น้อยเป็นพัน ศิษย์บริวารเป็นหมื่น ทำความดีเป็นตัวอย่าง ตลอดระยะเวลาที่อุปสมบท เป็นแบบให้ลูกศิษย์พิจารณาปฏิบัติตาม ท่านรู้และเลือกวิธีสอน วิธีใด ควรใช้โอกาสใด ไม่ใช่ไม่รู้ เวลาที่ท่านทำความดีให้เห็น เช่น การทำวัตรสวดมนต์เช้าเย็น ก็น้อยที่จะมีผู้อนุโมทนาสาธุ หรือเข้ามาร่วมทำวัตรกับท่าน อาจเป็นเพราะตื่นเช้าไม่ได้เหมือนท่าน เหมือนกับพระเณรที่ท่านฝึก เวลาเช้า หลวงพ่อจะตื่นจำวัด ประมาณ ๐๓.๔๕ น. จากนั้นจะรอเวลาทำวัตร กิจวัตรนี้ ท่านประสงค์ให้พุทธศาสนิกชน เห็นพระสงฆ์สามเณรทำหน้าที่ไม่ให้เป็นดังภาษิตโบราณว่า “ย่าเลี้ยงไก่ บ่มีโตขัน” ที่ท่านปฏิบัติมาตลอดตั้งแต่อุปสมบท ตามรอยของครูอาจารย์ท่าน จึงไลฟ์สดให้อนุโมทนา และเป็นแบบแก่พระสงฆ์ในปกครองด้วย

แต่เมื่อมีเหตุการณ์ปรากฏในวันนี้ กลับกลายเป็นข่าวไปทั่ว ซึ่งก็แล้วแต่ผู้วิจารณ์จะแสดง “ความเห็นของตน” ที่อาจปราศจากข้อมูลการทำงาน และวิธีอบรมสามเณรตลอดระยะเวลาที่ท่านปฏิบัติมา ตั้งแต่ปี ๒๕๒๔ จนถึงปัจจุบัน ในนามศิษย์ที่เคยอยู่ในสำนักเรียนวัดหนองกุง กล้าพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อ คือ “ครูของครู” คือ “อาจารย์ของอาจารย์” คือ “ครูที่หาได้ยาก” และ “แบบอย่างที่หาได้ยาก” ดังคำที่ท่านเขียนติดป้ายไว้หน้าสำนักเรียนว่า “มีความรู้ สู้งาน สันดานดี”

Leave a Reply