ขอคิดด้วยคน กรณี “เจ้าคุณถนอม”

 กรณี “เจ้าคุณถนอม” หรือ “พระเทพวิสุทธิคุณ” เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น “เขกกะโหลก” สามเณรในขณะที่ทำวัตรสวดมนต์ เนื่องจาก สามเณรคงผงกหัวแบบหลับ ๆ ตื่น ๆ  ก่อให้เกิดคำถามว่า ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่??

กรณีนี้ พวกที่ครั่งใกล้ “ลัทธิสิทธิ” อยู่เหนือ “กฎเกณฑ์” อาจดูแล้ว ไม่เหมาะสม แต่หลายคนมองว่าสิ่งที่ เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่นทำนั่น “สมควร” แก่เหตุแล้ว เนื่องจากแค่ตบหัวไม่ได้รุนแรงถึงขั้น “เลือดตกยางออก” และสิ่งที่ทำเปรียบเสมือน “พ่อสั่งสอนลูก” หัวใจที่คิด ทำแบบนี้ บรรดาพวก “ตุ๊ด เกย์ กระเทย” สัมผัสไม่ได้ เพราะคนกลุ่มนี้ ไม่เคยมีบุตร-ธิดา

“ผู้เขียน”ไม่รู้จักเจ้าคุณถนอมเป็นการส่วนตัว ซ้ำมีวันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ถูก  “เจ้าคุณถนอม” เตะออกจากกลุ่มไลน์หนึ่งด้วย ซึ่งคิดท่านคงไม่ได้ตั้งใจ  แต่ ทราบกิตติศัพท์ของท่านตั้งแต่เป็นสามเณรแล้วว่า ท่านเป็นคนจริงจัง เป็นพระเกจิ “เสกคน” ให้เป็นคนดี มีคุณภาพ  โดยเฉพาะในยุคที่สำนักเรียนบาลีวัดหนองกุง จ.ขอนแก่น รุ่งโรจน์มีลูกศิษย์ลูกหานับร้อยคน ปัจจุบันเป็นพระสังฆาธิการหลายรูป ที่สึกออกมาเป็นครูอาจารย์ อนุศาสตร์ เท่าที่รู้จัก ได้ดีทุกคน เป็นพลเมืองของชาติที่มีคุณภาพ และส่วนใหญ่ล้วนผ่าน “ไม้หวาย” เจ้าคุณถนอมมาแล้วทั้งสิ้น ดังสุภาษิตไทยที่ว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี”  และศิษย์พวกนี้แปลกแม้จะถูกเจ้าคุณถนอมดุด่าตี แต่ รักเจ้าคุณถนอมและมีความกตัญญูกตเวทีต่อท่านเกือบทุกรูป/คน

“ผู้เขียน” ยังจำภาพเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนได้ว่า “เจ้าคุณถนอม” รับสมณศักดิ์หรืออะไรสักอย่างหนึ่งนี้แหละที่กรุงเทพมหานครแล้ว  หากจำไม่ผิด ท่านไปพักอยู่ “วัดดาวดึงส์” ฝั่งธนบุรี มีลูกศิษย์ไปหาหลายสิบคน  สมกับเป็นลูกศิษย์ “เจ้าคุณถนอม” ไม่เหมือนพวก “มหาเปรียญ” บางคนสึกออกมา ไม่รู้บุญคุณครูบาอาจารย์ไม่พอ ยังวกกัด “ผ้าเหลือง” ถ่มน้ำลายใส่วัดที่ตนเองเคยซุกหัวนอนพึ่ง “ข้าวก้นบาตร” ชุบชีวิตใหม่ก็มีหลายคน

วัฒนธรรม “คนวัด” คนเคยบวชเรียนแบบพวกเรา คนยุคก่อน สิ่งที่เจ้าคุณถนอมทำกับสามเณรที่ง่วงและ “หัวผงก” ในขณะที่ทำวัตรซึ่งเปรียบเสมือน “เข้าเฝ้า” พระพุทธเจ้า ผู้เป็น “ศาสดา” ถือว่าน้อยไป เพราะถือว่า “เข้าข่าย”  ไม่เคารพพระพุทธเจ้า

“ผู้เขียน” เคยมีประสบการณ์แบบนี้ เนื่องจากใกล้สอบดูหนังสือดึก นอนไม่เพียงพอ ต้องตื่นมาทำวัตรเช้าประมาณ 05.00 เอาหลังพิงเสา หัวผงก อาจารย์ใหญ่ไม่รู้เดินมาตอนไหนเอาไม้ฟาดเข้าไป “ตาสว่าง” เลยก็เคยมาแล้ว หลายสำนักเรียนท่านจึงสร้างกฎเกณฑ์ทั้งเรื่องทำวัตร บิณฑบาต ฉันข้าว เข้าห้องเรียน หรือแม้กระทั้งเรื่องสอบ “บางสำนัก” สอบไม่ผ่าน 2 ปี ไปหาวัดใหม่ก็มีถมไป  เจ้าอาวาสในกรุงเทพมหานครวัดใหญ่ ๆ หลายวัดยุคก่อน เพื่อง่ายต่อการอบรมสั่งสอน เมื่อย้ายมาอยู่วัด ต้องให้บวชใหม่เป็น “ลูกศิษย์” อยู่ในโอวาท เพื่อให้ทนตีนจนเท้าก็มี

ยุคนี้หากมีกรณีแบบนี้ก็จะเจอพวก “ห้วยโหน” จับกระแสแล้วคอมเม้นท์ฟาด สร้างคอนเทนต์ อาจมองว่าทำ “เกินเลย” เหมือนที่ “คนกลุ่มหนึ่ง” มองความผิดพลาดของ “เจ้าคุณถนอม” อยู่ตอนนี้

เสียดาย “วิธีคิด” คนยุคปัจจุบันหลายคน ไม่เอาวิธีสั่งสอนลูกหลาน “แบบเก่า”  ยึดแบบ “ตะวันตก”  บางคนยึดแบบ “รู้ไม่จริง” กลายเป็นประเภทเหมือน “สัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ” ลูกหลานจึงเสียคนเป็น “ส่วนใหญ่”

กรณี “เจ้าคุณถนอม” สำหรับ “คนนอกวัด”  อาจดูรุนแรง แต่ในฐานะ “ผู้เขียน” เคยผ่านระบบเหล่านี้มาถือว่า “ปกติ” ของพระอุปัชฌาจารย์

“เจ้าคุณถนอม” พลาดนิดเดียวคือ “ไลฟ์สด” จึงตกเป็นเครื่องมือของพวกสร้าง “คอนเทนต์” และพวก “จับกระแส”  โพสต์ “สร้างราคา” ปั่นกระแส ให้ตัวเองดูดี และเชื่อเถอะพวกคนเหล่านี้ทั้งหมด

หากวัดผลงานสร้างประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนา กิจการคณะสงฆ์ สังคม รวมทั้งสร้างศาสนทายาทแล้ว เทียบ “ขี้ตีน” ของเจ้าคุณถนอมไม่ได้ด้วยซ้ำไป..

Leave a Reply