วันที่ 28 พ.ค. 65 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เปิดเผยถึงความตั้งใจในการขับเคลื่อนโครงการอำเภอนำร่อง บำบัดทุกข์ บำรุงสุข บูรณาการสร้างนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลง กระทรวงมหาดไทย โดยกล่าวว่า เมื่อครั้งที่ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้เคยเปรียบเปรยว่า “นายอำเภอที่ดีสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้” ซึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้ รัฐบาล ภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความไว้วางใจและมอบหมายให้คนมหาดไทย ได้ช่วยกันในการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาความยากจนและความเดือดร้อนทุกเรื่องที่พี่น้องประชาชนกำลังประสบอยู่และไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองในนามของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและ พัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนารถบพิตร มาเป็นแนวทางช่วยแก้ไขความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ให้สามารถดำรงชีวิตด้วยความอยู่รอด ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน จึงถึงเวลาแล้วที่ชาวมหาดไทยจะต้องช่วยกันเฟ้นหาผู้นำในพื้นที่ที่มีใจ มีความปรารถนา (Passion) ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อร่วมผนึกกำลังทุกภาคส่วน สร้าง “นักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลง”

“กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงที่เก่าแก่อยู่คู่กับประเทศชาติมาอย่างยาวนานถึง 130 ปี และกำลังก้าวสู่ปีที่ 131 ในการเป็นกระทรวงหลักที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ รักษาความมั่นคงภายใน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้พี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะตำแหน่งใดในกระทรวงมหาดไทย ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ หรือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ เรื่องใหญ่ที่คนมหาดไทย ต้องคำนึงถึงเสมอ คือ การช่วยเหลือน้องประชาชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีความรักความสามัคคี เพื่อให้เกิดความมั่นคงในพื้นที่ และดูแลไม่ให้พี่น้องประชาชนต้องทุกข์ร้อนจากปัญหาต่าง ๆ เช่น อาชญากรรม ยาเสพติด และปัญหาอื่น ๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนา และทำนุบำรุงให้พี่น้องประชาชนมีการมีงานทำ สามารถทำมาหากิน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี สุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง ได้รับการส่งเสริมด้านการศึกษา ศิลปะ วัฒนธรรม ศาสนา ตลอดชีวิต เพื่อนำพาให้เกิดสิ่งที่ดีในสังคมให้ได้” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงต้น
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวต่อว่า จากการที่ท่าน พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปรียบเปรยว่า นายอำเภอที่ดีสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ พวกเราในฐานะ “คนมหาดไทย” เองก็เชื่อเช่นนั้นว่า นายอำเภอทุกคน คือ นายกรัฐมนตรีของอำเภอที่มีหน้าที่อันสำคัญยิ่งในการต้องทำงานร่วมกับพี่น้องประชาชน และทุกภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคี ทั้งข้าราชการทุกกระทรวง กรม ในพื้นที่ ผู้นำภาควิชาการ ผู้นำศาสนา ผู้นำภาคธุรกิจ ผู้นำภาคเอกชน ผู้นำภาคประชาสังคม ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบายของรัฐบาลและของทุกกระทรวง แปลงสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ โดยในขณะนี้ ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม ThaiQM ที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ได้จัดทำขึ้นเพื่อสำรวจ (Re X-Ray) ข้อมูลพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาความยากจนและความเดือดร้อนทุกเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ซึ่งนายอำเภอได้บูรณาการร่วมกับข้าราชการ และประชาชนจิตอาสา สามารถทำการสำรวจไปแล้ว ร้อยละ 80 พบว่า มีผู้เดือดร้อนอยู่ถึงเกือบ 5,000,000 ครัวเรือน และมีบางส่วนที่ตรงกับระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytics Platform : TPMAP) ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อันหมายความว่า ในตอนนี้คนมหาดไทยรู้แล้วว่ามีพี่น้องประชาชนที่จะต้องไปให้ความช่วยเหลือ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข อยู่เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ เรารู้ว่าครัวเรือนไหนเดือดร้อน ทุกข์ร้อนเรื่องอะไร อาทิ บางครัวเรือนทุกข์ร้อนเรื่องการไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ไม่มีเงินส่งลูกส่งหลานเรียนหนังสือ หรือไม่มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงแข็งแรง หรือแม้แต่มีคน 200,000 กว่าครัวเรือน ไม่มีส้วมที่ถูกสุขลักษณะใช้ในครัวเรือน แต่ปัญหาที่น่าตกใจอีกปัญหา คือ การได้รับโอกาสทางการศึกษาของเด็กที่มีอายุระหว่าง 3 – 5 ขวบ ที่พบว่ามีจำนวนเป็นหลักแสนคนที่ไม่ได้รับโอกาสเรียนรู้และพัฒนาในศูนย์เด็กเล็ก หรือแม้แต่เด็กอายุ 6 – 14 ปี (ป.1 – ม.ต้น) จำนวนหนึ่ง ไม่ได้เข้าเรียนตามเกณฑ์ของกระทรวงศึกษาธิการศึกษาภาคบังคับ 12 ปี


Leave a Reply