วันที่ 19 สิงหาคม 2567 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ตามที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ร่วมกับ 76 จังหวัดและ กทม. ดำเนินการคัดเลือกอาหารถิ่นประจำจังหวัด ตามโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste) ประจำปี 2567 โดยแต่ละจังหวัด มีคณะกรรมการประจำจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้แทนที่เป็นประธาน เพื่อดำเนินการคัดเเลือก รวมทั้งเปิดให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดร่วมโหวตเมนูที่ควรได้รับการคัดเลือกในจังหวัดตนเองพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1-9 ส.ค. 67 ที่ผ่านมานั้น
รมว.วธ กล่าวว่า บัดนี้ สวธ. ได้ผลการคัดเลือก 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปี 2567 แล้ว โดยมีเมนูอาหารที่ให้ประชาชนร่วมโหวตทั่วประเทศ 563 รายการ แบ่งเป็นเมนูอาหารคาว 234 รายการ เมนูอาหารหวาน 184 รายการ เมนูอาหารว่าง 143 รายการ และเมนูอาหารอื่น 2 รายการ ทั้งนี้ ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการโหวตคัดเลือกผ่านสื่อท้องถิ่น สื่อออนไลน์ต่าง ๆ ทุกช่องทาง ซึ่งแต่ละเมนูมีความพิเศษและสะท้อนถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของแต่ละจังหวัดอย่างชัดเจน เช่น เมนูอาหารหวานจากจังหวัดปราจีนบุรี “ขนมหน่อไม้” ได้รับความสนใจและมีการโหวตสูงสุดถึง 22,945 คะแนน รองลงมาได้แก่ เมนูอาหารหวาน “ขนมถังแตกมอญ” จากจังหวัดกาญจนบุรี 4,660 คะแนน และ เมนูอาหารคาว “ปลายอก ข้าวบอก” จากจังหวัดกระบี่ 4,259 คะแนน นอกจากนี้ยังมีเมนูที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ “ขนมเหนียวสูตรโบราณ” จากกทม. , “กาละแมรวงข้าวเม็ดบัว” จากจังหวัดปทุมธานี “ยำไก่ผีปู่ย่า” จากจังหวัดสุโขทัย, “แกงอีเหี่ยว”จากจังหวัดเพชรบูรณ์ และ “แกงคั่วหนามพุงดอหมูย่าง” จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ,“ข้าวมัน แกงตอแมะห์ปลา” จากจังหวัดสตูล “น้ำพริกหมู (โคราช)” จากจังหวัดนครราชสีมา, “นมเนียล” จากจังหวัดสุรินทร์ เป็นต้น
โครงการนี้ ได้ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว เพื่อรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอาหารไทยและวิถีชีวิตที่เชื่อมโยงกับอาหารถิ่นของไทย พร้อมทั้งต่อยอดภูมิปัญญาด้านสมุนไพรและสรรพคุณทางเลือกที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดและเครือข่ายวัฒนธรรมทั่วประเทศ ในการคัดสรรเมนูอาหารถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และมีรสชาติที่โดดเด่น ซึ่งมีหลายเมนูที่หลายคนอาจยังไม่เคยลิ้มลอง อีกทั้งส่งเสริมและพัฒนาอาหารถิ่นไทยให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ตลอดจนยกระดับอัตลักษณ์อาหารไทยในเวทีสากลด้วย
รมว.วธ. กล่าวว่า กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการอนุรักษ์อาหารถิ่นไทย แต่ยังเป็นการส่งเสริมศักยภาพของเครือข่ายวัฒนธรรมในการบริหารจัดการงานวัฒนธรรมอย่างยอดเยี่ยม และเชิญชวนให้ประชาชนทั่วประเทศได้ตามรอยและลิ้มรสอาหารถิ่นที่มีความพิเศษจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อเมนูอาหารถิ่น พร้อมร้านจำหน่ายได้ที่ เว็บไซต์กรมส่งเสริมวัฒนธรรม / Facebook กรมส่งเสริมวัฒนธรรม https://www.culture.go.th/culture_th/ewt_news.php?nid=7843&filename=index (ประกาศรายชื่อ 1 จังหวัด 1 เมนู ฯ ) และ Facebook สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ
Leave a Reply