วันที่ 11 มีนาคม 2566 เวลา 16.00 น. ณ ศูนย์ดะวะห์แห่งประเทศไทย (มัรกัสยะลา) อ.เมืองยะลา จ.ยะลา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดยะลา พบปะผู้นำดะวะห์ และผู้เข้าร่วมบรรยายธรรม เพื่อต้อนรับเดือนรอมฎอนอันประเสริฐของชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลาม โดยมีท่านเมาลานา ชามิม ผู้แทนผู้นำดะวะห์ของโลกคนปัจจุบัน เมาลานาซะอัต จากประเทศอินเดีย ท่านบาบออับดุลรอมัน ผู้นำดะวะห์ของประเทศไทย ท่านอุสตาส มามุด ผู้นำศาสนา และชาวไทยมุสลิมเข้าร่วม
สำหรับกิจกรรมงานดะวะห์ เป็นการรวมตัวของผู้ชายชาวไทยมุสลิมที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว 4 เดือน จำนวน 1,000 กลุ่ม (ยะมาอะ) จากทั่วประเทศ และประเทศใกล้เคียง เพื่อมารับฟังบรรยายธรรม และรับทราบแนวทางในการไปเผยแพร่ศาสนา และเรียกร้องให้คนทำความดี ลักษณะของงาน คือ การเสียสละทรัพย์สิน เวลา และชีวิตของตนเอง เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดี ด้วยระยะเวลา 3 วัน 40 วัน 4 เดือน และ 1 ปี เพื่อจัดกลุ่มออกไปเรียกร้องให้ผู้คนกลับมาสู่ความดี ตามแบบอย่างท่านศาสดานบีมูฮัมหมัด
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้พบปะผู้นำดะวะห์ประเทศไทย พร้อมร่วมนั่งดื่มน้ำชา พูดคุยอย่างเป็นกันเอง เสร็จแล้ว ผู้นำดะวะห์กล่าวขอบคุณและร่วมขออำนวยพร (ดุอาอ์) ให้แก่นายกรัฐมนตรีว่า หวังให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในประเทศไทยต่อไป พร้อมกล่าว ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้ตัวกลางเป็นตัวเชื่อม มนุษย์เราก็เหมือนกัน ตัวกลางเชื่อมกันระหว่างมนุษย์คือความรัก ไม่ว่าจะเป็นสาขาไหน ถ้ามนุษย์มีความรักกันจริง จะส่งผลให้สาขานั้นเจริญก้าวหน้า การที่นายกรัฐมนตรีได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนหนึ่งมาจากเสียงของประชาชน และอีกส่วนหนึ่งมาจากความรักของประชาชน ขอพรให้นายกรัฐมนตรีมีแต่ความสุขในชีวิต ประสบความสำเร็จในทุก ๆ เรื่องเป็นดวงตาของประเทศต่อไป ทำให้ประเทศเจริญยิ่ง ๆ ขึ้น หวังให้พระอันเลาะห์ ตอบรับท่านเข้าสู่ศาสนาอิสลามต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาพบปะกับพี่น้องชาวไทยมุสลิมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีโอกาสไปงานมอบรางวัล “การทดสอบท่องจำฮะดีษ ระดับชาติ ครั้งที่ 1” และได้เห็นเยาวชนรุ่นใหม่ ๆ สามารถท่องจำพระวจนะของพระศาสดาได้ขึ้นใจ ทำให้รู้สึกประทับใจ และในวันนี้ก็รู้สึกประทับใจที่เห็นทุกคนมารวมตัวกันจำนวนมาก เพื่อขัดเกลาเตรียมความพร้อมที่จะออกไปประกอบคุณงามความดี ซึ่งก็คือการป้องปราม ตักเตือน และแนะนำแนวทางการดำรงตนตามหลักศาสนาที่ถูกต้อง อันเป็นสิ่งที่สัตบุรุษ พึงกระทำ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ทุกคน ณ ที่แห่งนี้ ถือเป็นเหล่าผู้นำ ที่จะเป็นต้นแบบที่น่านับถือ ซึ่งนอกจากจะดำรงตนอยู่ในหลักศาสนาอย่างเคร่งครัดแล้ว ยังเสียสละและอุทิศตนเพื่อถ่ายทอดหลักความเชื่อตามศาสนาที่ถูกต้อง รวมทั้งหลักการปฏิบัติตนตามพระวจนะของพระศาสดา เพื่อขจัดความไม่รู้ในจิตใจของคนรุ่นต่อ ๆ ไป ให้ได้มีโอกาสนำไปปฏิบัติและเผยแพร่ ส่งต่อไปยังลูกหลานต่อไป การเชิญชวนผู้คนไปสู่หนทางแห่งศาสนาที่แท้จริง ต้องให้ความพยายามอุตสาหะ และความอ่อนโยนในการโน้มน้าวจิตใจผู้คน ซึ่งผลสำเร็จอาจจะใช้ระยะเวลายาวนานบ้าง ขอให้ทุกคนแน่วแน่ในการทำความดีอันประเสริฐนี้ แม้ผลลัพธ์จะเป็นที่น่าพึงพอใจหรือไม่ก็ตาม ดั่งพระดำรัสของเอกองค์อัลลอฮ ที่ว่า “เจ้าจงอดทน เพราะแท้จริง อัลลอฮจะไม่ทรงทําให้รางวัลของผู้ทําความดีสูญหาย”
นายกรัฐมนตรีย้ำ ไม่มีอะไรทำให้บ้านเมืองเราสงบสุขได้ เท่าความรัก ความสามัคคีของคนไทยด้วยกัน บ้านเมืองกำลังเดินไปข้างหน้า ไม่มีอะไรแบ่งแยกได้ถ้าเรามีใจที่ตรงกัน ไม่ว่าอยู่ไหนก็ตามต้องเคารพซึ่งกันและกัน ประเทศไทยเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ต้องอยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุข ไม่ว่าเชื้อชาติศาสนาไหนล้วนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ยืนยันไม่เคยต้องการทำให้ใครเดือดร้อน ที่ผ่านมาทำดีที่สุดแล้ว ขอชื่นชมคนไทยทุกคนรวมถึงพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่ร่วมมือร่วมใจกันพยายามขับเคลื่อนประเทศให้เจริญก้าวหน้าผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ มาได้ สิ่งที่สำคัญจะต้องสร้างโอกาส สร้างความเท่าเทียมอย่างเป็นธรรม ขอทุกคนมีหัวใจเดียวกัน ทำเพื่อบ้านเมือง ทำเพื่อศาสนา พระมหากษัตริย์ และพระอัลเลาะห์ ยืนยันจะทำให้ดีที่สุดแก้ไขทุกปัญหาเพื่อคนไทยทั้งประเทศทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา
นายกรัฐมนตรีขออานุภาพแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานความเมตตา และอำนวยพรให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกคน มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง ในการปฏิบัติคุณงามความดีเพื่อไปสู่สวรรค์อันเป็นนิรันดร์ และเพื่อสร้างสังคมไทยให้เจริญรุ่งเรืองและเปี่ยมด้วยสันติสุขสืบไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินพบปะทักทายให้กำลังใจชาวไทยมุสลิมอย่างเป็นกันเอง สร้างความประทับใจให้พี่น้องชาวมุสลิมเป็นอย่างมาก ตลอดเส้นทางมีประชาชนมาขอเซลฟี่ และให้กำลังใจ บอกให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกนาน ๆ
ttps://www.thaigov.go.th/
Leave a Reply