“องคมนตรี” แนะบุคลากรเผยแผ่พุทธ ต้องปรับวิธีสื่อถึงคนรุ่นใหม่

 วันที่ 15 กันยายน 2565 ที่หอประชุมพุทธมณฑล จ.นครปฐม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระบัญชามอบให้ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาบุคลากรเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั่วประเทศ โดยสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวให้โอวาท ว่า การเผยแผ่พระพุทธศาสนาถือว่าเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์โดยตรง ที่ต้องทำหน้าที่ในการเผยแผ่ ในฐานะเป็นพุทธสาวก พระพุทธศาสนาจะเจริญยั่งยืนอยู่ต่อไปได้ ต้องอาศัยการเผยแผ่เป็นหลัก การที่นักเผยแผ่จะทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ 1.เราต้องมีความรู้ความเข้าใจ ในหลักธรรมอย่างถ่องแท้ 2.มีวิธีการเผยแผ่ 3.เป็นผู้เสียสละ และ 4.เป็นผู้มีจิตสำนึก สำนึกในหน้าที่ของตัวเราเอง สำนึกถึงบุคคลที่เราจะไปเผยแผ่ ว่าจะได้ประโยชน์อะไร การเผยแผ่พระพุทธศาสนานั้น หากพระสงฆ์ไม่ทำ ทั้งที่เป็นพุทธสาวก เป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง แล้วใครจะมาทำ ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้ ละเว้นไม่ได้ การเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาต้องตอบแทนบุญคุณของพระศาสนาด้วย

ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ประธานกรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย บรรยายพิเศษ เรื่อง การเผยแผ่กับโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ว่า ปัจจุบันทุนเล่าเรียนหลวงฯ แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ 1.ทุนเปรียญธรรม 6-9 ประโยค 2.ทุนระดับอุดมศึกษาด้านพุทธศาสตร์ ระดับปริญญาตรี-ปริญญาเอก 3.ทุนอบรมพระนักเทศน์ 4.ทุนอบรมพระวิปัสสนาจารย์ 5.ทุนอบรมพระธรรมจาริก ซึ่งในส่วนของการเทศน์นั้นถือเป็นหน้าที่หลักในการเผยแผ่ของพระสงฆ์ แต่ปัจจุบันกลับเห็นน้อยลง ขณะเดียวกันควรหาวิธีในการส่งพระวิปัสสนาจารย์ไปสอนนักเรียนให้มากขึ้น เพราะจะช่วยในเรื่องสมาธิของนักเรียนได้

ส่วนในเรื่องการส่งพระธรรมทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศนั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่พบว่าในประเทศยังมีพื้นที่ห่างไกลอีกหลายแห่งที่ประชาชนต้องการศาสนา ดังนั้นคณะสงฆ์ควรวางยุทธศาสตร์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (มท.) ในการสำรวจพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้คณะสงฆ์มีพระธรรมจาริกทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาในพื้นที่ห่างไกลอยู่แล้ว แต่ควรทำงานเชิงรุกร่วมกับ มท. มากขึ้น นอกจากนี้ คณะสงฆ์ต้องพยายามปรับตัวเข้าหาคนรุ่นใหม่ที่ปัจจุบันเข้าวัดน้อยลง เช่น การจัดเทศน์ออนไลน์ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ ยูทูบ เป็นต้น โดยทางนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี ได้ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำแล้วได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

“โครงสร้างประชากรในประเทศไทยเปลี่ยนไปเยอะมาก เด็กเกิดน้อยลง คนสูงอายุมากขึ้น คณะสงฆ์จะรับมืออย่างไร ขณะเดียวกันโลกใบนี้เป็นอินเทอร์เน็ตไปแล้ว ต้องคิดด้วยว่า จะนำเอาพุทธธรรมไปให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างไร” องคมนตรี กล่าว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมประชุมสัมมนาในครั้งนี้ด้วย กล่าวว่า การประชุมสัมนาในวันนี้ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาบุคลากรการเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้มีทักษะองค์ความรู้ที่จะขับเคลื่อนการเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ มีความตระหนักและเข้าใจบทบาทหน้าที่และเข้าใจนโยบายด้านการเผยแพร่พระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์และศูนย์เผยแพร่พระศาสนาแห่งชาติ อันจะนำไปสู่การเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่มีความเป็นเอกภาพและสร้างสังคมสันติสุข

“กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมให้ความร่วมมือกับคณะสงฆ์ในการสนับสนุนการเผยแพร่พระพุทธศาสนา และให้พุทธศาสนิกชนได้นำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาไปปฏิบัติและปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ผ่านการขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน และ 7 ภาคีเครือข่าย ซึ่งหนึ่งในภาคีเครือข่ายที่สำคัญคือ ภาคผู้นำศาสนา ตามหลัก “บวร” อันได้แก่ บ้าน วัด และราชการ ถือเป็นแนวร่วมและเป็นกำลังในการให้ความช่วยเหลือตามบทบาทหน้าที่ ที่จะส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ช่วยการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ตามเป้าหมาย บำบัดทุกข์ บำรุงสุข นำการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในทุกเรื่องเพื่อ Change for Good ทุกด้าน ทุกมิติ เกิดประโยชน์กับชุมชนและประเทศชาติอย่างยั่งยืน”

Leave a Reply