เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 เวลา 15.30 น. ที่วัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช นางเทียบจุฑา ขาวขำ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะกรรมาธิการ เข้ากราบ พระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ หรือ อาจารย์แว่น เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ไอ้ไข่ เพื่อรับฟังเกี่ยวกับแนวทาง การส่งเสริมศาสนา
พระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ กล่าวว่าวัดนี้ในอดีตเกือบเป็นวัดร้าง อาตมามาเป็นลูกวัด ด้วยเพราะสมัยเด็กมีฐานะยากจนบิดามารดาประกอบอาชีพทำนา ทำสวน ทำไร่ เมื่อมาบวชแล้วก็ได้เข้ามา จำพรรษาที่วัดเจดีย์เมื่อปี พ.ศ. 2542 สมัยนั้นต้องบอกว่าวัดเจดีย์เป็นวัดร้าง ไม่มีโบสถ์ ไม่มีพระอุโบสถ ภายหลังจำพรรษาเป็นเวลา 4 ปีได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส หลักการของที่นี่ก็คือเอาชาวบ้านเป็นหลัก ตอนเย็นตนมักไปคุยกับชาวบ้าน เพื่อศึกษาความเป็นมา ซึ่งจุดเด่นของวัดนี้หากจะดำเนินการเรื่องวิปัสสนา เรื่องสวดมนต์ หรือเรื่องอื่นๆ ค่อนข้างจะเป็นไปได้ยาก จุดเด่นของวัดคือ “ไอ้ไข่” ที่มีคนศรัทธาและมาจุดประทัดมาตั้งแต่โบราณ จึงเริ่มบูรณปฏิสังขรณ์วัด ได้ให้ชาวบ้านตั้งกลุ่มกันเป็นกลุ่ม 42 กลุ่มละ 4 คน หมุนกัน ดูแลด้านดอกไม้ จุดประทัด การประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ซึ่งก็จะมีรายได้จากการบริการและขายอาหาร ในวัดไม่มีขาย เครื่องรางของขลังหรือของเซ่นไหว้ต่างๆ หากจะซื้อต้องไปซื้อข้างนอก ด้วยการบริหารเช่นนี้จึงไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันระหว่างภายนอกและภายใน ปัจจุบันได้ตั้งทุนมีเงินทุนถึง 2-3 ล้าน โดยกลุ่มชาวบ้านที่เริ่มต้นอายุมากแล้ว ตอนนี้เริ่มรุ่นหลาน ในช่วงที่รายได้ดี คนมาช่วยงานวัด อาจได้รายได้ต่อคนถึง 20,000 บาทต่อเดือนในเวลาที่เหลือก็สามารถไปทำงานทำไร่ทำสวนปาล์มชาวบ้านก็มีความสุข อาตมาอยู่มา 25 ปี ทุกที่มีปัญหา ต้องช่วยกันแก้ ในอดีตตอนจัดบวชไม่มีคนบวชก็ขอทหารมาบวช

นางเทียบจุฑา กล่าวว่าตนและคณะหลังจากที่ได้ทราบข้อมูล โดยท่านเจ้าอาวาสท่านได้นำชมวัด สาระสำคัญคือที่นี่เน้นชาวบ้านเป็นศูนย์กลาง โดยมีการปรึกษาหารือมีการประชุมกันอย่างเนืองนิจตามหลักอปริหานิยธรรม 7
ธรรมสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการความเจริญรุ่งเรืองแก่องค์กรที่ตนเองปกครองมี 7 ประการคือ 1. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ 2. พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิก พร้อมเพรียงกันทำกิจที่พึงทำ 3. ไม่บัญญัติสิ่งที่มิได้บัญญัติไว้ (อันขัดต่อหลักการเดิม) ไม่ล้มล้างสิ่งที่บัญญัติไว้ (ตามหลักการเดิม) 4. ท่านเหล่าใดเป็นใหญ่ ให้เคารพนับถือท่านเหล่านั้น เห็นถ้อยคำของท่านว่าเป็นสิ่งควรรับฟัง 5. บรรดากุลสตรี กุมารีทั้งหลาย ให้อยู่โดยมิถูกข่มเหง หรือฉุดคร่าขืนใจ 6. เคารพสักการบูชาเจดีย์ (ปูชนียสถาน และปูชนียวัตถุ ตลอดถึงอนุสาวรีย์ต่างๆ ทั้งหลาย ทั้งภายในและภายนอก ไม่ปล่อยให้ธรรมิกพลีที่เคยทำแก่เจดีย์เหล่านั้นเสื่อมทรามไป 7. จัดให้ความอารักขาคุ้มครอง ป้องกัน อันชอบธรรมแก่พระอรหันต์ทั้งหลาย (ในที่นี้หมายความรวมถึงบรรพชิตผู้ดำรงธรรมเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชนทั่วไปด้วย) โดยตั้งใจว่า ขอพระอรหันต์ทั้งหลายที่ยังไม่ได้มา พึงมาสู่แว่นแคว้นที่มาแล้ว ขอให้โดยผาสุกด้วยการมีความสะอาดสะอ้าน บูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรือง หาจุดเด่นของวัดและสร้างจุดเด่นเพื่อเป็นจุดขาย ส่งผลให้เป็น Soft Power ของพื้นที่ จนในที่สุดถือว่าเป็น Soft Power ของประเทศเลยทีเดียว ซึ่งเป็นตัวอย่างที่สามารถนำมาพัฒนามาเป็นต้นแบบ ทั้งการพัฒนา การเป็นแหล่งท่องเที่ยว การศึกษา เมื่อเชื่อมั่นว่าการพัฒนารูปแบบนี้จะทำให้วัดเจริญรุ่งเรืองอย่างไร้ขีดจำกัด


Leave a Reply