วันที่ 21 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น.ณ มณฑลพิธีหน้ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน องค์ประธานในพิธีประดิษฐานพระพุทธปฏิมาพระพุทธมหาจุฬาลงกรณชุตินธรบวรศาสดา โดยมี พระพรหมวชิราธิบดี นายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม และพระเทพปวรเมธี รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร รองเจ้าคณะภาค 15 ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินงานสร้างพระพุทธปฏิมาพระพุทธมหาจุฬาลงกรณชุตินธรบวรศาสดา ปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาพื้นที่ให้เป็น “รมณียพุทธอุทยาน” พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษจำนงค์ จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต นางสาวเพ็ญศรี ชั้นบุญ ประธานคณะทำงานสร้าง พระพุทธมหาจุฬาลงกรณชุตินธรบวรศาสดา คณบดี คณาจารย์ ผู้บริหาร ผู้อบรมพระธรรมทูต นิสิต และประชาชน ถวายการต้อนรับ
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ได้กล่าวสัมโมทนียกถา ตอนหนึ่งว่าศาสตราจารย์พิเศษจำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต เป็นปูชนียบุคคลของมหาจุฬา ฯ เป็นที่เคารพนับถือของลูกศิษย์ เป็นแบบอย่างที่ดี ไม่เฉพาะให้กับชาวมหาจุฬา ฯ ลูกศิษย์เท่านั้น เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับชาวพุทธทั่วไปด้วย
อาจารย์จำนงค์ เป็นผู้ทำให้มหาจุฬา ฯ มีชีวิต หากนับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงสถาปนามหาจุฬา ฯ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2439 ตอนนั้นมหาจุฬา ฯมีแต่ชื่อและสถานที่ ยังไม่มีชีวิต 50 ปีต่อมา คือ พ.ศ. 2490 พระพิมลธรรม ช้อย ทานทตฺโต อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ สังฆมนตรีฝ่ายปกครอง ประชุมร่วมกับพระสงฆ์จำนวน 37 รูป ต้องการฟื้นฟูมหาจุฬา ฯ เปิดการศึกษา อาจารย์จำนงค์ จึงสมัครเป็นพระนิสิตรุ่นแรก พร้อมกับพระนิสิตอีก 7 รูป ความเป็นมหาจุฬา ฯ จึงเกิดขึ้น มีชีวิต ผู้พูด (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์) เข้าเรียนปี พ.ศ.2499 ยุคนั้นฝ่ายบ้านเมืองก็ไม่เอา ฝ่ายบ้านเมืองบางคนพูดจนกระทั้งว่า อย่าว่าแต่ฝ่ายบ้านเมืองไม่เอามหาจุฬาฯ เลย แม้แต่คณะสงฆ์ก็ไม่เอา ซึ่งก็เป็นจริง เพราะเจ้าอาวาสบางวัดมีกฎเกณฑ์ว่าใครเรียนมหาจุฬา ฯ ต้องไล่ออกหรือห้ามอยู่วัดนี้ ชาวมหาจุฬา ฯ ก็ดิ้นรนจนปี พ.ศ. 2512 มหาเถรสมาคม จึงมีมติยอมรับว่า มหาจุฬา ฯ เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาของคณะสงฆ์ และก็มีพยายามเรื่อยมาอยากให้ฝ่ายบ้านเมืองรับรอง จนถึงปี 2540 รัฐบาลจึงรับรองให้มหาจุฬา ฯ เป็น มหาจุฬา ฯ โดยสมบูรณ์ ซึ่งก็มีอาจารย์จำนงค์ ทองประเสริฐ นี่แหละเป็นส่วนสำคัญผลักดันจนสำเร็จ
“เมื่อเราเอาปี 50 ปีเป็นตัวกำหนด ปี 2439 เป็นปีสถาปนา ปี 2490 มหาจุฬา ฯ เปิดเรียน ทำให้มีชีวิต นับต่ออีกมา 50 ปี คือ พ.ศ. 2540 มหาจุฬา ฯ ฝ่ายบ้านเมืองรับรองมีพระราชบัญญัติ หลังจากมีชีวิตแล้ว ก็ฝั่งรากฐาน และพัฒนาจนมั่นคงเจริญก้าวหน้า อาจารย์จำนงค์ ทองประเสริฐ จึงมีปณิธาน มีดำริคิดจะสร้างพระพุทธปฎิมา ประกาศให้ชาวโลกรู้ถึงความเจริญก้าวหน้าของมหาจุฬา ฯ จึงสร้างพระพุทธมหาจุฬาลงกรณชุตินธรบวรศาสดา พร้อมกับปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาพื้นที่ให้เป็น “รมณียพุทธอุทยาน”
ส่วนนางสาวเพ็ญศรี ชั้นบุญ ประธานคณะทำงานสร้างพระพุทธมหาจุฬาลงกรณชุตินธรบวรศาสดา และสร้างฐานชุกชีที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมา กล่าวว่า “เจ้าประคุณประสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ประทานนามพระพุทธปฏิมาองค์นี้ว่าพระพุทธมหาจุฬาลงกรณชุตินฺธรบวรศาสดา เป็นพระพุทธรูปมีขนาดหน้าตักความกว้าง 5 เมตร ความสูง 6 เมตร 30 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 4.5 ตัน เป็นพระพุทธปฏิมาปางปฐมเทศนาที่หล่อด้วยทองสำริดทั้งองค์ฯ ดำเนินการในนามคณะศิษยานศิษย์ศาสตราจารย์พิเศษจำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต รับเป็นเจ้าภาพเงินจำนวนเงิน 40 ล้านบาท และอีกส่วนเป็นงบประมาณของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาพื้นที่ให้เป็นรมณียพุทธอุทยานอีกจำนวนเงิน 30 ล้านบาท สิ้นงบประมาณในการสร้างทั้งหมด รวมเป็นจำนวน 70 ล้านบาท”
Leave a Reply