“สมเด็จพระสังฆราช” ทรงเป็นห่วง ปัจจุบันมีคนกล่าวตู่ “พระพุทธพจน์ – คิดเอง” ไม่ตรงกับพระไตรปิฎก!!

วันที่ 10 กรฏาคม 2567  เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคมที่ผ่านมา  สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไป วัดอาวุธวิกสิตาราม เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ในการที่คณะธรรมยุตแสดงมุทิตาพระภิกษุสามเณรผู้สอบไล่ได้เปรียญธรรม 9 ประโยค พุทธศักราช 2567  จำนวน 76  รูป และประทานทุนอุปถัมภ์พระภิกษุสามเณรคณะธรรมยุตผู้สอบไล่ได้เปรียญธรรมตั้งแต่ 3ถึง 8ประโยค 191 รูป โอกาสนี้ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาท ความตอนหนึ่งว่า

“สังคมไทยของเราทุกวันนี้ อยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ด้วยมีผู้แสดงตนว่าเป็นผู้รู้ในทางพระไตรปิฎก เป็นครูผู้วิเศษในการสั่งสอนพระศาสนาเป็นจำนวนมาก แต่ในจำนวนดังกล่าว ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีผู้กล่าวตู่พระพุทธพจน์บ้าง มีผู้แสดงโวหารอย่างฉาบฉวยให้ต้องใจคน แต่กลับเป็นอัตโนมติ คิดเอง พูดเอง แสดงภูมิส่วนตน โดยไม่สอดคล้องต้องตรงกับพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และมติของบูรพาจารย์ที่ได้วางแนวทางศึกษา วิจัย และอบรมสั่งสอนศิษยานุศิษย์มาโดยรอบคอบแล้วบ้าง นับเป็นพฤติการณ์ที่บ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง

บูรพาจารย์คณะสงฆ์ไทย มีวิสัยทัศน์กว้างไกล จึงสู้อุตสาหะสรรค์สร้างระบบการศึกษาพระปริยัติธรรมไว้ ให้พระภิกษุสามเณรได้เข้าถึงพระสัทธรรม ด้วยวิธีวิทยาที่ถูกต้อง เป็นระบบระเบียบ จะได้นำความรู้ชัดและรู้ตรงนั้น ไปอบรมสั่งสอนได้โดยไม่คลาดเคลื่อนผิดเพี้ยน เพราะฉะนั้น ผู้ศึกษาพระบาลีจึงมีหน้าที่ที่จะต้องศึกษา วิจัย ทำความเข้าใจ ปฏิบัติพระธรรมวินัยในพระไตรปิฎก ตลอดจนคัมภีร์ต่างๆ อย่างถูกวิธี ให้สมกับเจตนารมณ์ของการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ที่ท่านได้สำเร็จตามหลักสูตรมาแล้ว

ขอให้ท่านตั้งปณิธานที่จะมีความรู้รอบและรู้ลึก ในพระพุทธธรรมให้จงได้ แล้วจงทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง เป็นการรักษาพระศาสนาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ อีกทั้งขอให้ช่วยกันสอดส่อง แก้ไข ชี้แจง โต้แย้ง บรรดานักพูด ที่มักกล่าวที่บิดเบือนพระธรรมวินัยด้วย เพื่อท่านจะได้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณและทางสติปัญญาของสังคมไทย สมหน้าที่พุทธสาวกของสมเด็จพระบรมศาสดาสืบไป”

Leave a Reply