คิดถึงอดีต “พระพรหมเมธี”

เห็นพัฒนาการการคืน “ความยุติธรรม” ให้กับ “พระพรหมดิลก-พระพรหมสิทธิ” พร้อมกับ “การเยียวยา” ให้กับพระมหาเถระทั้ง 2 รูปแล้ว อดให้นึกถึง “อดีตพระพรหมเมธี” วัดสัมพันธวงศ์ พระมหาเถระอีกรูปหนึ่งที่ถูกกลุ่ม “คนใจบาป-ใจอำมหิต” ยัดเยียด “คดีเงินทอนวัด” ให้ไม่ได้ แม้ไม่ได้สนิทสนมหรือรู้จักกับท่านเป็นการ “ส่วนตัว” แต่ก็อดคิดถึงและสงสารท่านไม่ได้ อยากให้ท่านได้รับความเป็นธรรม..คืนมาบ้าง!!

“แหล่งข่าว” จากระดับ “วงใน” เผยว่าวานนี้มีการประชุมกรรมการมหาเถรสมาคมมีวาระ “ลับ” เรื่องหนึ่งที่ “จับเข่า” คุยกัน “วงเล็ก” เฉพาะกรรมการะดับ “สมเด็จ” เท่านั้น นั่นคือ การคืนตำแหน่ง “เจ้าอาวาส” ให้กับ “พระพรหมดิลก”  และอาจรวมถึงตำแหน่ง “มส.” ด้วย

“แหล่งข่าว” ระบุต่อว่า ที่ประชุมก็พยายามหาทางออกให้กับเจ้าอาวาสวัดสามพระยาในปัจจุบัน  “เจ้าคุณละเอียด” หรือ “พระธรรมวชิรปัญญาภรณ์” ด้วยโดยเล็งไปที่ “พระอารามหลวง” แห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กรุงเทพมหานครที่ยังไร้ตำแหน่ง “เจ้าอาวาส” อยู่

“แหล่งข่าว” กล่าวว่าที่ประชุม มี “มส.” รูปหนึ่งบอกว่ายินดีจะยกตำแหน่งให้กับ “พระพรหมดิลก” เพราะอยากให้ท่านกลับมาทำงาน กอบกู้ชื่อเสียงวัด การอบรมพระ กอบกู้ความเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระบาลี ความเป็นวัดสามพระยาที่เคยได้รับการยกย่องว่า  “ตักสิลา” กลับมาเหมือนเดิม

มส.ท่านหนึ่งก็ “คิดไกล” ไปถึง “วัดสระเกศ” ว่า

เมื่อ “พระพรหมดิลก” ได้รับตำแหน่ง “เจ้าอาวาส” ตำแหน่ง “มส.” คืนแล้ว  อนาคต “พระพรหมสิทธิ” ก็อาจได้คืนทั้งตำแหน่ง “เจ้าอาวาส- มส.” แน่แท้..

แล้วตำแหน่ง มส. หากพระพรหมสิทธิ กลับมาใครจะ “ยกให้” ท่าน ที่ประชุม จึงหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจะหาทางออกอย่างไร  บางรูปเสนอแก้ไขกฎหมายเพิ่มตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม

“ผู้เขียน” มองว่า ทั้งเรื่องตำแหน่ง “เจ้าอาวาส” พระอารามหลวง และตำแหน่ง “มส.” พระคุณเจ้าไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะตามกฎหมายคณะสงฆ์ฉบับแก้ไขล้วนเป็น “พระราชอำนาจ”

ขอให้ร่วมกันสนองพระราชปณิธานที่ว่า “จงแก้ไขในสิ่งผิด” เท่านั่นพอ

อันนี้เป็นไปตามหลักทศพิธราชธรรม คือ ความเป็นพระราชา “ผู้ทรงธรรม

“ผู้เขียน” ไม่อยาก ฟื้นฝอยหาตะเข็บ” เนื่องจากเรื่อง “วุ่นวาย”  ที่เกิดขึ้นกับพระพรหมดิลก พระพรหมสิทธิ และพระพรหมเมธี หลายรูปที่นั่งเป็น มส.อยู่ตอนนี้ล้วนเคยเป็น “ตัวละคร” อยู่ในประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น

“ผู้เขียน” หลังจากเห็น “พระพรหมดิลก -พระพรหมสิทธิ” ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ คืน “สมณศักดิ์” พร้อมกับมีการพัฒนาการไปสู่..การเยียวยา อื่น ๆ ที่ควรจะเป็นให้กลับมาเหมือนเฉกเช่นเดิม เพื่อความเจริญและความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

ทำให้คำนึงคิดถึง “อดีตพระพรหมเมธี” ปัจจุบันอายุ 83 ปีแล้ว ต้องจากวัด จากบ้านเกิดเมืองนอน อยู่แบบเหงา ๆ   ต้อง “ลี้ภัย” อยู่ประเทศเยอรมนี  นึกสภาพแล้วอด  “สงสาร” ท่าน ไม่ได้

“พระพรหมเมธี” เป็นพระมหาเถระที่ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ และกิจการคณะสงฆ์เป็นอเนกอนันต์ ยุคที่ท่านรุ่งโรจน์ เป็นพระมหาเถระที่มี “หัวก้าวหน้า” มาก คิดตั้งสถานี“โทรทัศน์” เพื่อพระพุทธศาสนา คิดงาน “เชิงรุก” หลายเรื่องเพื่อให้สถาบันหลักของชาติมั่นคง

คิดหลายโปรเจคเพื่อให้คณะสงฆ์และพระพุทธศาสนามี “ภาพลักษณ์” ที่ดี รวมทั้งหลายแนวคิด  “คิดไกล” เพื่อให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก”

เสียดายถูก “คนใจบาป” ยัดคดี “เงินทอนวัด” ให้กับท่าน ทำให้ท่านต้อง “เสวยวิบากกรรม” ลี้ภัยไปอยู่ต่างแดน

วันนี้ประเทศไทย “ฟ้าเปิด” มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงธรรม มีพระราชศรัทธาอย่างยิ่งยวดต่อพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์..พระองค์จึงอยากเห็นพระภิกษุสงฆ์ที่พระองค์ “เคารพและเทิดทูน” ได้ทำหน้าที่ของความเป็น “พระภิกษุ” ได้อย่างเต็มที่ทั้งอุปถัมภ์ค้ำจูน ด้วยการส่งข้าราชบริพารนำถวายภัตตาหารตามพระอารามต่าง ๆ  ทุกวัน ช่วยกิจการคณะสงฆ์ เช่นออกโรงทานในยามที่คณะสงฆ์มีงานสำคัญ อุปถัมภ์ส่งเสริมการศึกษา “พระบาลี -การปฎิบัติธรรม”  รวมทั้งถวาย “กำลังใจ” ด้วยการถวาย “สมณศักดิ์” ให้กับพระภิกษุสงฆ์ทั่วประเทศ

ปรากฎการณ์ “พระราชศรัทธา” ในลักษณะแบบนี้คณะสงฆ์ทั้งปวง ต้อง “พึงสำเหนียก” ให้จงดี..

พึงสำเหนียกที่ว่า ต้องสนอง “พระราชศรัทธา” ทำหน้าที่ของความเป็นพระภิกษุให้สมบูรณ์ และต้อง “รักสามัคคี” กันเอาไว้ เป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคม มุ่งทำงานเพื่อรับใช้..พระพุทธเจ้า อย่างแท้จริง

อันไหนเป็นความ “ผิดพลาด” ในอดีต..ก็จึงร่วมด้วยช่วยกันแก้ไข “หาทางออก” หาทางเยียวยา ทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบใน “อดีต” และ “บุคคล” ที่ได้รับผลกระทบใน “ปัจจุบัน” จากความผิดพลาดในอดีต??

แบบนี้จึงได้ขนานนามว่าเป็นการแสดงออกด้วยความ “จงรักภักดี” ด้วยกันแบ่งเบา “พระราชภาระ” 

ในฐานะพวกท่านทุกรูปคือ “พระราชาคณะ”

Leave a Reply