คุก 1 ปี 8 ด.! อดีตพระศิวโรจน์ คดีทุจริตเงินทอนวัดจังหวัดลำปาง-แพร่

ป.ป.ช. เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา ‘อดีตพระศิวโรจน์’ พวก ‘พนม ศรศิลป์’ อดีตผอ.สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทุจริตเงินทอนวัดจังหวัดลำปาง-แพร่ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 7 พิพากษาลงโทษ จำคุก 1 ปี 8 เดือน หลังรับสารภาพ ไม่รอลงอาญา 


สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายพนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กับพวก เบียดบังเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดประจำปีงบประมาณ 2558 ที่จัดสรรให้ วัดวัฒนาราม วัดอุมลองวัดบ้านอ้อ อำเภอสบปราบ, วัดทุ่งต่ำ อำเภอเสริมงาม, วัดหาดปู่ด้าย อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง และวัดศรีบุญนำ อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 , 153 , 157 , 162 (4) , 83 , 86 , 90, 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2561

โดยคดีนี้ ปรากฏชื่อ พระศิวโรจน์ หรือนายศิวโรจน์ หรือ นายณาณทิพย์ ปิยรัตน์เสวี เป็นจำเลยเพียงรายเดียว 

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษาว่า  พระศิวโรจน์ หรือนายศิวโรจน์ หรือ นายณาณทิพย์ ปิยรัตน์เสวี  มีความผิด ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 , 153 (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) มีอัตราโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86  จำคุก 3 ปี 4 เดือน

จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 8 เดือน ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย 

เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2567 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา

สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

 

ที่มา https://www.isranews.org/

Leave a Reply