วันที่ 1 กันยายน 2567  เวลา 9.30 น. ที่ วัดสังเวชวิศยารามวรวิหาร แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร มีงานกิจกรรมฉลองอายุวัฒนมงคลเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 61 ปี ของพระธรรมวชิโรดม (พล อาภากโร ป.ธ.9,Ph.D.) เจ้าคณะภาค 6 เจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม โดยมี สมเด็จพระพุฒาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม  เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ร่วมเป็นประธาน มีพระสังฆาธิการในเขตปกครองภาค 6 คณะสงฆ์ และประชาชนร่วมงานด้วยอย่างคับคั่ง ซึ่งภายในงาน พระเมธีวชิโรดม หรือ “ว.วชิรเมธี” พระนักเทศน์ชื่อดัง แห่งศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย เดินทางมาร่วมมุทิตาสักการะด้วย

พระเมธีวชิโรดม กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เดินทางมาร่วมมุทิตาสักการะ พระธรรมวชิโรดม นอกจากท่านเป็นเจ้าคณะปกครองของตนเองแล้ว ยังเป็นพระอาจารย์ด้วย เนื่องจากสมัยที่เรียนปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้เรียนกับท่าน พระธรรมวชิโรดม เป็นสุดยอดของครู เป็นพระสายวิชาการที่ประเทศไทยตอนนี้มี 3 รูป ที่เคยได้รับสมณศักดิ์ที่ พระราชวรมุนี คือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ป.อ.ปยุตโต ที่เราถือว่าเป็นปรมาจารย์พระนักวิชาการแห่งยุค รูปที่ 2 ที่เคยดำรงสมณศักดิ์นี้คือ พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม  เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ประธานคณะกรรมการฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนาของมหาเถรสมาคม, ประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ รูปนี้ถือว่าเป็นมันสมองสำคัญให้กับมหาเถรสมาคมและคณะสงฆ์ไทย และรูปสุดท้ายคือ พระธรรมวชิโรดม อาจารย์ของอาตมารูปนี้

“ญาติโยมท่านใด หากจะชื่นชมหรือยกย่องอาตมา อย่าลืมคนที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้อาตมาด้วย ต้องยกย่องท่านด้วย เพราะท่านเป็นคนให้ความรู้ให้กับอาตมา ท่านเก่งไม่เฉพาะวิชาการเท่านั่น ภาษาอังกฤษท่านก็เก่ง ท่านแต่งหลักสูตรภาษาอังกฤษหลายเล่ม ท่านเป็นพระเถระที่เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษรูปหนึ่งในประเทศไทย นอกจากนี้ท่านยังมีผลงานอีกหลายประการ เช่นที่ต้องจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของคณะสงฆ์และประเทศไทย  คือ เป็นผู้มีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้คณะสงฆ์ไทยเกิดมี พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. 2562 ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นรากฐานสำคัญที่จะเข้ามาช่วยเสริมผลักดันให้การศึกษาของคณะสงฆ์ไทยทั้งบาลี นักธรรม มีความก้าวหน้าและมั่นคง..”

สำหรับภายในงานวันนี้มีการมอบ “ฐานานุกรม” ให้กับพระภิกษุที่ใกล้ชิดพระธรรมวชิโรดม ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระภิกษุที่อยู่ในเขตปกครอง,มีการเจริญพระพุทธมนต์แบบชาวเหนือ มีการฟ้อนรำของไทลื้อ จากจังหวัดน่าน และมีโรงทานมาร่วมออกโรงทานประมาณ 120 โรงทาน จนทำให้พื้นที่วัดคับแคบไปถนัดตา..