“พระมหานรินท์” แฉอีก “ครูเงาะ” เปิดมูลนิธิคู่บริษัทจริงหรือไม่!!

วันที่ 22 กันยายน 2567  มหานรินทร์ นรินฺโท ป.ธ. 9 เจ้าอาวาส วัดไทยลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อติดการเคลื่อนไหวกิจกรรรม “ธรรมนาวาวัง” ของ  พระอาจารย์ทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ หรือ พระอาจารย์ต้น สำนักศึกษาธรรมดอยธรรมนาวา อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมี “ครูเงาะ” รสสุคนธ์ กองเกตุ เป็นวิทยากรร่วมทีมมาต่อเนื่อง ได้โพสต์เฟชบุ๊คส่วนตัวว่า  ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว !  เปิดบริษัท “ธรรมนาวา จำกัด” คู่กับ “มูลนิธิธรรมนาวาสิกขาลัย”

ครูเงาะเปิดใจเรื่องเงินๆ ทองๆ ของพระต้น ออกหน้าการันตีว่า “พระอาจารย์ไม่รู้ พวกหนูทำเอง แต่..” แต่เราทำเฉพาะมูลนิธิธรรมนาวาสิกขาลัย ไม่มีผลประโยชน์อื่นใดมาเกี่ยวข้อง ทุกคนทำด้วยใจ ด้วยความเสียสละ เสียสละทั้งกายใจแถมบริจาคทรัพย์ให้มูลนิธิอีกด้วย การันตี “ไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน 100 เปอร์เซ็นต์” ทุกอย่างทำบูชาคุณพระอาจารย์ต้นล้วนๆ

แต่..แต่ก็มีคนตาดี แอบเห็นว่า มีการตั้ง “บริษัทธรรมนาวา” ขึ้นมา ด้วยทุนจดทะเบียนสูงถึง 1 ล้านบาท ! ไม่ทราบว่าบริษัทนี้ทำธุรกิจอะไร ใครเป็นเจ้าของ และที่สำคัญ “ใช้ชื่อเดียวกับ-ธรรมนาวา” คงจะไม่บังเอิญเกินไป จริงไหมครูเงาะ

มองไปคล้ายๆ กับว่า แยกพระต้นออกจากเรื่องเงินทอง คือให้สอนอย่างเดียว อย่างอื่นเดี๋ยวโยมจัดให้ ส่วนเรื่องเงินทองและผลประโยชน์อื่นใดนั้น “ครูเงาะ” ขอรับอาสาพระอาจารย์ บริหารจัดการเองทั้งหมด จึงกล้ายืนยัน “พระอาจารย์ไม่เกี่ยว พวกเราทำเอง”

แต่วันนี้ มีปูดออกมาอีก 1 บริษัท ชื่อว่า “ธรรมนาวา จำกัด” ซึ่งไม่ใช่มูลนิธิ บริษัทแบบนี้รับบริจาคไม่ได้ แต่สามารถทำธุรกิจธุรกรรมได้ทุกอย่าง หมายถึงว่า ค้าอะไรก็ได้ตามที่กฎหมายอนุญาต

อ้า..ถ้างั้นก็แสดงว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีธุรกิจอยู่ 2 ประเภท คือ

1.มูลนิธิ-ไม่แสวงหากำไร รับเฉพาะบริจาค และไม่เสียภาษี

2.บริษัท-แสวงหากำไร ไม่รับบริจาค แต่ทำธุรกิจ ซื้อขายแลกเปลี่ยน และยอมเสียภาษี

แต่ทั้งสองนี้ก็เป็นของบุคคลกลุ่มเดียวกัน ทำงานเดียวกัน ภายใต้บารมีของพระต้น รับเงินเหมือนกัน รับทั้งสองระบบ ส่วนคนจัดการเป็นใครก็คงไม่ต้องเดา

ก็เอาเป็นว่า เวลานี้ พระต้นและสาวก มีสองกระเป๋า

กระเป๋าซ้าย : คือมูลนิธิธรรมนาวาสิกขาลัย ไม่แสวงหาผลกำไร แสวงหาเฉพาะบุญ สวรรค์ และนิพพาน รับเฉพาะเงินบริจาคที่มีผู้มอบให้โดยไม่หวังผลตอบแทน เหมือนทำสังฆทาน

กระเป๋าขวา : คือ บริษัทธรรมนาวา จำกัด แสวงหากำไรไม่จำกัดรูปแบบ ทั้งซื้อ-ขาย สินค้า จัดซื้อจัดจ้าง จัดแสดง ฯลฯ ได้เงินผ่านการค้ากำไร

แปลง่ายๆ ก็คือ แยกบัญชี มีทั้งบัญชีบุญและบัญชีบาป แต่เจ้าของคือคนๆ เดียวกัน มันเป็นทั้ง Trick และ Treat เป็นผลพวงของการได้บรรลุธรรมในสายพระอาจารย์ต้นแห่งธรรมนาวาวัง

ดังนั้น ไม่ว่าเงินจะมาจากการบริจาคผ่านมูลนิธิธรรมนาวาสิกขาลัย หรือเงินที่ได้มาจากการค้าขายผ่านบริษัทธรรมนาวา ก็ถือว่าเป็นการทำธุรกิจของกลุ่มคนๆ เดียวกัน กลุ่มคนที่อ้างว่า “ได้บรรลุธรรมตามแนวของพระต้น” และได้สร้างทั้งมูลนิธิและบริษัทขึ้นมาบริหารกิจการควบคู่กัน เป็นการบรรลุธรรมระดับสุดยอด ในทางศาสนาเชื่อกันว่าพระต้นเป็นอรหันต์ ในทางธุรกิจเชื่อกันว่าครูเงาะจะเป็นผู้นำกำไรมาให้แก่ทุกคนที่ร่วมอุดมการณ์

ดูไปดูมาก็คล้ายกับ “อ้อยเตโช” ซึ่งตั้งทั้งมูลนิธิและเปิดบริษัททำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งขายของจิปาถะ ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ แล้วก็พบจุดจบคือ พอธุรกิจติดขัด ก็มีปัญหากับหุ้นส่วน ลงท้ายด้วยการฟ้องกันแหลกลาญ สวรรค์นิพพานก็ล่มปากอ่าวซีคะ ตลกร้ายก็คือ ผู้ร่วมหุ้นนั้น “โดนปลด” จากพระอนาคามีด้วย ข้อหาทรยศ

อริยะประเภท “นอนอยู่กับผัว มีธุรกิจหนี้สินล้นพ้นตัว ฟังธรรมจากยูทู๊ป นั่งดูจิตจนหายซึมเศร้า จึงเข้าไปทำธุรกิจ” แบบนี้ยิ่งเข้าวัดก็ยิ่งรวย อริยมรรคของพระอาจารย์ต้นชั่งน่ารักแท้ จึงมีคำโฆษณาหาสาวก คือผู้ร่วมหุ้นในบริษัทว่า “ไม่ต้องบวชก็บรรลุธรรมได้”ยิ่งทำธุรกิจควบคู่กับมูลนิธิได้ ก็เท่ากับว่า บรรลุทั้งกิเลสและนิพพาน ไปพร้อมๆ กัน ระดับครูเงาะเข้าวัด ถ้าได้แค่สวรรค์นิพพาน ไม่ได้ผลประโยชน์ติดไม้ติดมือกลับไป ใครๆ ก็จะหาว่าโง่ซีคะ ทุกวันนี้แทบไม่ได้ดูจิตเลย ดูแต่บัญชีก็ไม่มีเวลาแล้วค่ะ

ขอย้ำนะคะว่า ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แต่เรามีสองบริษัท เพราะมันไม่เกี่ยวกับความจริง ความจริงก็เรื่องของความจริง บริษัทก็เรื่องของบริษัท ต้องแยกกันค่ะ อนุโมทนาสาธุ นะคะ..

ด้าน “ครูเงาะ” รสสุคนธ์ กองเกตุ ได้อธิบายการเปิด “มูลนิธิธรรมนาวาสิขาลัย” ในการดำเนินกิจกรรมไว้ในเฟชบุ๊คส่วนตัว ครูเงาะ รสสุคนธ์ กองเกตุ  ดังนี้

มูลนิธิธรรมนาวาสิกขาลัยนี้ มีคนทำงานที่รับเงินแค่สองคนคือพนักงานหลังบ้านเงินเดือนหลักหมื่นนิดๆ ที่เหลือทั้งครูเอง (ประธาน) รองประธาน (คุณโจอี้) เหรัญญิก การเงิน เลขา และกรรมการรวมถึงทีมทำงานอาสาทุกคนไม่มีใครรับเงินแม้แต่บาทเดียว

เราจดมูลนิธิตามกฎหมาย แสวงหารายได้เพื่อเผยแผ่ธรรมเหมือนมูลนิธิทั่วไปที่แสวงหารายได้เพื่อทำตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ เช่นมูลนิธิท่านพุทธทาส มูลนิธิช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ช่วยเหลือสัตว์ ฯลฯที่ต้องหารายได้มาเพื่อดำเนินงานในมูลนิธิ

เป็นมูลนิธิที่ครูชื่นใจมากเพราะเห็นผลลัพธ์ของผู้คนที่ได้ปฏิบัติตามแนวทางธรรมนาวา หลายคนหายจากซึมเศร้า แพนิค หลายคนได้ครอบครัวกลับคืนเพราะมีพระรัตนตรัย จึงไม่แปลกที่ทำไมเป็นมูลนิธิที่อาสาเยอะมากและที่สำคัญ จ่ายค่าเดินทางเอง ค่าที่พักเองเพื่อมาช่วยงาน แถมหลายคนจ่ายเงินสนับสนุนมูลนิธิเสียเองด้วย

ทั้งหมดที่ทำนี้จะเป็นเพราะอะไรไปได้ ถ้าไม่ใช่เพราะศรัทธาในคำสอนของพระพุทธองค์ที่ผ่านการถ่ายทอดเรียบเรียงโดยพระอาจารย์ต้น ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเรา

วันนึงข้างหน้าก็คงจ้างคนมากขึ้นเหมือนมูลนิธิทั่วไปตามกำลัง แต่วันนี้เราภูมิใจที่มูลนิธิมีค่า fixed cost เรื่องคนสามหมื่นกว่าบาท แต่ได้สร้างสัมมาทิฏฐิบุคคลให้แผ่นดินมามากกว่าสองพันคน และทางออนไลน์อีกนับหมื่นในช่วงไม่ถึงปีที่จัดตั้งมา

สัจจะมีหนึ่งเดียว สัจจะทำให้เกิดผู้กล้า มั่นคง แบบไม่คลอนแคลน

บริษัทธรรมนาวา จำกัด เป็นของใคร “ครูเงาะ” ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ รอฟังคำตอบจากครูเงาะที่ถูกตั้งคำถามต่อไป..

Leave a Reply