“พระสงฆ์” ต้องอ่าน นักวิชาการวิเคราะห์บทบาทคฤหัสถ์สอนธรรม สาเหตุเสื่อมถอยของพระสงฆ์ และ พระสงฆ์ไทยยุคใหม่แบบไหนถูกใจสังคมไทย

วันที่ 2 ตุลาคม 2567  มีการเผยแพร่งานบทความทางวิชาการ ของ รองศาสตราจารย์ ดร.ณกมล ปุญชเขตต์ทิกุล  อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เรื่อง การเปลี่ยนแปลงบทบาทของพระสงฆ์และคฤหัสถ์ในพุทธศาสนา : ความท้าทายและการปรับตัวในสังคมไทยยุคใหม่ โดยเนื้อหาระบุว่า  ในยุคสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านสังคม เทคโนโลยี และค่านิยม พระพุทธศาสนาก็เช่นกัน ที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับยุคสมัย ปรากฏการณ์ที่คฤหัสถ์หันมาเทศน์สอนธรรมะกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งสร้างทั้งโอกาสและคำถามเกี่ยวกับบทบาทของพระสงฆ์และคฤหัสถ์ที่มีต่อการเผยแผ่ศาสนา

ต่อไปนี้คือประเด็น ที่มีความสำคัญต่อพุทธศาสนาและสังคมไทย

1.บทบาทที่เปลี่ยนแปลงของพระสงฆ์และคฤหัสถ์ การที่คฤหัสถ์หลายคนหันมาทำหน้าที่สอนธรรมะแทนพระสงฆ์ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตา สาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากพระสงฆ์บางรูปที่หันไปเน้นกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การสร้างวัตถุมงคลแทนการเผยแผ่ธรรม ทำให้ประชาชนตั้งคำถามถึงบทบาทที่แท้จริงของพระสงฆ์ การเปิดกว้างให้คฤหัสถ์ที่มีความรู้ทางพุทธศาสนาเข้ามามีบทบาทในการสอนธรรมะจึงช่วยเสริมให้พุทธศาสนาเข้าถึงกลุ่มคนใหม่ๆ ได้ แต่ในขณะเดียวกัน การที่คฤหัสถ์เข้ามาทำหน้าที่สอนธรรมะเองก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมเช่นกัน

2.การเปลี่ยนแปลงของค่านิยมในพุทธศาสนา ในอดีต การเทศน์สอนธรรมะเป็นหน้าที่หลักของพระสงฆ์ แต่ปัจจุบันสังคมไทยเริ่มยอมรับว่าการสอนธรรมะไม่จำเป็นต้องมาจากพระสงฆ์เท่านั้น คฤหัสถ์หลายคนที่มีการศึกษาและเข้าใจในพระไตรปิฎกก็ได้รับความไว้วางใจมากขึ้นในฐานะผู้สอน หรือในฐานะอาจารย์ นี่คือการสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของค่านิยมและแนวคิดในพุทธศาสนาที่พยายามเปิดกว้างและเข้าถึงได้ในวงกว้างกว่าเดิม การปรับตัวเช่นนี้ยังช่วยให้พุทธศาสนาเข้าไปในชีวิตประจำวันของคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น

3.ปัญหาความน่าเชื่อถือและศีลธรรมของพระสงฆ์ มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการที่พระสงฆ์บางรูปหันไปเน้นการสร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง ซึ่งห่างไกลจากแก่นแท้ของศาสนาพุทธที่สอนให้มุ่งมั่นในศีลธรรม การปฏิบัติสมาธิและการเจริญปัญญากิจกรรมเหล่านี้สร้างความขัดแย้งในจิตใจของพุทธศาสนิกชนที่ตั้งคำถามถึงความถูกต้องของพระสงฆ์หากพระสงฆ์ยังคงห่างไกลจากบทบาทดั้งเดิมเช่นนี้อาจส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของพุทธศาสนาในสายตาพุทธศาสนิกชนลดลง

4.การเปิดกว้างทางการเผยแผ่ธรรมะ การที่คฤหัสถ์เข้ามามีบทบาทในการสอนธรรมะชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายของการเผยแผ่ศาสนา ในขณะที่พุทธศาสนิกชนมองว่าพระสงฆ์มีความรับผิดชอบทางศาสนา การเปิดกว้างให้คฤหัสถ์เผยแผ่ธรรมะเองก็เพิ่มมุมมองใหม่ต่อการสอนศาสนา การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้พุทธศาสนาเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงวัดได้บ่อย ๆ ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือการคงความถูกต้องของคำสอนให้สอดคล้องกับหลักศาสนาและไม่หลงไปกับแนวคิดที่อาจบิดเบือนแก่นแท้

 ในบทความนี้ได้มีบทวิพากษ์การลดบทบาทของพระสงฆ์ ไว้ดังนี้

การร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างพุทธศาสนาความเปลี่ยนแปลงในบทบาทของพระสงฆ์และคฤหัสถ์นี้ เป็นได้ทั้งโอกาสและความท้าทายที่พุทธศาสนาต้องเผชิญการเปิดกว้างให้คฤหัสถ์สอนธรรมะสามารถทำให้พุทธศาสนาเข้าถึงคนรุ่นใหม่และผู้คนในวงกว้าง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการควบคุมเพื่อให้มั่นใจว่าการสอนธรรมจะไม่บิดเบือนจากหลักการ พระสงฆ์และคฤหัสถ์ควรร่วมมือกันเพื่อสร้างความมั่นคงและเสริมสร้างความยั่งยืนของพุทธศาสนาในสังคมไทย การวิพากษ์บทบาทพระสงฆ์นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เนื่องจากพระสงฆ์ถือเป็นผู้แทนศาสนาพุทธ แต่หากต้องการเสริมสร้างความเชื่อมั่น พระสงฆ์ก็ต้องทำหน้าที่สอนธรรมและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด

การวิพากษ์บทบาทของพระสงฆ์ในสังคมไทยในปัจจุบันเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน เนื่องจากพระสงฆ์เป็นผู้แทนของศาสนาพุทธที่มีบทบาทสำคัญในการสั่งสอนศีลธรรมและประพฤติปฏิบัติธรรมให้แก่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในบทบาทของพระสงฆ์ ซึ่งมักถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมและหน้าที่ในการเผยแผ่ธรรมะ การปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางโลกที่ห่างไกลจากแก่นแท้ของพุทธศาสนา

1) การลดทอนบทบาทในการเผยแผ่ธรรม

พระสงฆ์มีหน้าที่หลักในการเผยแผ่ธรรมะและเป็นผู้สอนศีลธรรมให้แก่ประชาชน แต่ปัจจุบันมีข้อวิจารณ์ว่าพระสงฆ์บางส่วนละเลยบทบาทนี้และหันไปเน้นกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอนธรรม เช่น การสร้างวัตถุมงคล ของขลัง และการเป็นเกจิอาจารย์ที่ทำพิธีปลุกเสกของขลังเพื่อดึงดูดประชาชน การเน้นที่กิจกรรมเช่นนี้เป็นที่วิพากษ์อย่างมาก เนื่องจากไม่เพียงแต่ห่างไกลจากแก่นธรรมของพุทธศาสนา แต่ยังอาจสร้างความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนว่าการบูชาวัตถุมงคลเป็นหลักธรรมสำคัญในพุทธศาสนา ซึ่งจริง ๆ แล้ว การปฏิบัติธรรม การทำสมาธิ และการเจริญปัญญาคือสิ่งที่พุทธศาสนาสอนให้ผู้คนมุ่งเน้น

2) ความเสื่อมถอยทางศีลธรรมในหมู่พระสงฆ์

การปฏิบัติตามพระธรรมวินัยเป็นหัวใจสำคัญของการเป็นพระสงฆ์ แต่พระสงฆ์บางรูปถูกวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย เช่น การสะสมทรัพย์สินเกินความจำเป็น การใช้ชีวิตหรูหรา หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดพระธรรมวินัยเท่านั้น แต่ยังทำให้ความน่าเชื่อถือของพระสงฆ์ในสายตาของประชาชนลดลง พระสงฆ์ถูกคาดหวังว่าจะต้องดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย มุ่งเน้นการปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด และเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตตามหลักศีลธรรม แต่เมื่อพระสงฆ์หันไปสนใจเรื่องทางโลกมากขึ้น เช่น ความมั่งคั่งและอิทธิพลทางสังคม ก็ทำให้บทบาทของพระสงฆ์ในฐานะผู้นำทางศีลธรรมเริ่มถูกตั้งคำถาม

3) การพัวพันกับธุรกิจและการตลาดศาสนา

พระสงฆ์บางส่วนในปัจจุบันหันไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมเชิงพาณิชย์และการตลาดศาสนา เช่น การขายวัตถุมงคล การจัดงานบุญที่มีการเรียกเก็บเงินจำนวนมาก หรือการใช้สื่อออนไลน์เพื่อโฆษณาตนเองในลักษณะที่เป็นการสร้างรายได้ สิ่งเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นการเบี่ยงเบนจากจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของพุทธศาสนา ซึ่งเน้นการสละความโลภและความยึดติดกับวัตถุ พระสงฆ์ที่พัวพันกับกิจกรรมทางธุรกิจและการตลาดเช่นนี้จึงถูกวิพากษ์อย่างรุนแรงว่าไม่สมควรกับสถานะของนักบวชที่ควรดำรงตนในทางธรรมและปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น

4) การขาดความเชื่อมโยงกับประชาชน

อีกข้อวิจารณ์ที่สำคัญคือพระสงฆ์บางส่วนขาดการเชื่อมโยงกับประชาชนในด้านการสอนธรรมะและการเป็นที่พึ่งทางจิตใจ สังคมไทยในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พระสงฆ์ที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของคนรุ่นใหม่หรือไม่สามารถสอนธรรมะให้เข้าใจง่ายและเป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันของประชาชนได้ ก็จะถูกมองว่าไม่สามารถทำหน้าที่ของตนได้อย่างเต็มที่ พระสงฆ์ที่มุ่งเน้นการสอนธรรมตามแนวจารีตและใช้ภาษาที่ไม่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ อาจจะทำให้ประชาชนหันไปหาคฤหัสถ์ที่มีความสามารถในการสอนธรรมะที่เข้ากับยุคสมัยแทน

บทสรุป

บทบาทของพระสงฆ์ในปัจจุบันถูกท้าทายจากทั้งภายในและภายนอก พระสงฆ์บางส่วนถูกวิจารณ์ว่าไม่ทำหน้าที่ของตนในการสอนธรรมอย่างเต็มที่ และหันไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ไม่สอดคล้องกับหลักธรรมวินัย การพัวพันกับธุรกิจ การสะสมทรัพย์สิน และการสร้างวัตถุมงคลเป็นที่มาของความเสื่อมถอยทางศีลธรรมที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของพระสงฆ์ในสังคมไทย หากพระสงฆ์ต้องการรักษาบทบาทในฐานะผู้นำทางจิตใจและศีลธรรมของสังคม จำเป็นต้องกลับมาสู่แก่นแท้ของพุทธศาสนาโดยมุ่งเน้นการสอนธรรมและปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด

การปรับตัวของพระสงฆ์ในยุคสมัยใหม่ แบบไหนถูกใจสังคมไทย

1.กลับสู่แก่นแท้ของพุทธศาสนา พระสงฆ์ควรเน้นการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยให้เข้มงวด พร้อมทั้งส่งเสริมความเรียบง่ายและดำเนินชีวิตตามหลัก “สันโดษ” เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไป การกลับมามุ่งเน้นในเรื่องการเจริญสติและการปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริงจะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ

2.การเผยแผ่ธรรมะผ่านสื่อสมัยใหม่ ในยุคดิจิทัล พระสงฆ์สามารถใช้สื่อสมัยใหม่ เช่น สื่อสังคมออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มวิดีโอ เพื่อเผยแผ่ธรรมะและให้ความรู้แก่พุทธศาสนิกชนและประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ การสอนธรรมะผ่านช่องทางออนไลน์ช่วยให้พุทธศาสนาเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้โดยไม่ต้องอาศัยการเดินทางไปวัด

3.ปรับวิธีการสอนให้เข้ากับบริบทสมัยใหม่ พระสงฆ์ควรปรับรูปแบบการเทศน์สอนให้เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน เช่น การจัดการความเครียด ความสัมพันธ์ในครอบครัว และการดูแลสุขภาพจิต โดยเน้นหลักธรรมที่สามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาจริงในชีวิตประจำวัน

4.เสริมสร้างความเชื่อมั่นในบทบาทพระสงฆ์ การปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเข้มงวดและการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การสะสมทรัพย์สินและการสร้างวัตถุมงคล จะสร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนในบทบาทของพระสงฆ์

5.ร่วมมือกับคฤหัสถ์เพื่อเผยแผ่ศาสนา การยอมรับและร่วมมือกับคฤหัสถ์ในการเผยแผ่พุทธศาสนาสามารถทำให้คำสอนของพุทธศาสนาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น และยังช่วยให้พระสงฆ์สามารถเรียนรู้จากความเชี่ยวชาญของคฤหัสถ์ที่มีความรู้ในสาขาอื่น ๆ เพื่อปรับปรุงวิธีการเผยแผ่ธรรมะในสังคมยุคใหม่

อย่างไรก็ตาม พระพุทธศาสนาในประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงในสังคมที่รวดเร็ว ทั้งบทบาทของพระสงฆ์และคฤหัสถ์มีความสำคัญในกระบวนการปรับตัวนี้ การที่คฤหัสถ์เข้ามามีบทบาทในการสอนธรรมะถือเป็นทั้งโอกาสและข้อท้าทาย พระสงฆ์เองต้องปรับตัวให้สามารถเชื่อมโยงกับประชาชนในยุคปัจจุบันได้ ในขณะเดียวกันต้องรักษาความเป็นแก่นแท้ของศาสนาไว้ การเสริมสร้างความเชื่อมั่นในบทบาทของพระสงฆ์และการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย จะช่วยให้พระพุทธศาสนายังคงเป็นแสงสว่างนำทางในสังคมไทย

สำหรับ รองศาสตราจารย์ ดร.ณกมล ปุญชเขตต์ทิกุล จบเปรียญธรรม 9 ประโยค ศิษย์เก่าวัดราชบูรณะหรือวัดเลียบเชิงสะพานพุทธ และเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย คณะพุทธศาสตร์ รุ่น 37 

 

Leave a Reply