เฉลย!! ทำไมต้องสวดปาติโมกข์เป็นบาลี

วันที่ 24 พ.ค. 68 เพจนานานิจฉัย ซึ่งเป็นเพจที่ให้ความรู้พระวินัย ตามนัยของพระไตรปิฎกและอรรถกถาเป็นต้น โดย มีพระมหาภาคภูมิ สีลานนฺโท เป็นวิทยากรบรรยายและตอบปัญหาพุทธศาสนาในส่วนของพระวินัยปิฎก และมีคณาจารย์ในเครือข่ายพุทธบริษัทรักษาธรรมวินัยร่วมเป็นทีม อาทิ พระอาจารย์มหาสมบูรณ์ ฉนฺทโก เจ้าอาวาสวัดเขาสนามชัย ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น ได้โพสต์ข้อความ “ทำไมต้องสวดปาติโมกข์เป็นบาลี”

การสวดปาติโมกข์ในวันอุโบสถต้องใช้ภาษาบาลีเท่านั้น หากใช้ภาษาอื่น สังฆกรรมวิบัติ (คือไม่เป็นอันทำ) เพราะเป็นญัตติกรรม  (ถ้ารู้ว่าทำเช่นนั้นแล้วกรรมนั้นไม่ชอบธรรม ก็ยังขืนทำ ต้องอาบัติทุกกฏ)

หมายเหตุ :
ในสังฆกรรม ๔ ประเภท คือ อปโลกนกรรม ญัตติกรรม ญัตติทุติยกรรม และญัตติจตุตตถกรรม มีเฉพาะอปโลกนกรรมเท่านั้น ที่สามารถใช้ภาษาอื่นได้

*เรื่องขั้นตอนการทำอุโบสถว่ามีลำดับอย่างไร ต้องสวดแบบไหน ศึกษาได้ตั้งแต่
– พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ และ ๒ ไปตามลำดับ (จะมีพุทธดำรัสว่า “พึงยกขึ้นสวดแบบนี้ว่า…” ก่อนจะทรงบัญญัติแต่ละสิกขาบท)
– อุโบสถขันธกะ ในพระวินัยปิฎก มหาวรรค จะอธิบายขั้นตอนของอุโบสถอย่างละเอียด เช่น การสวดไปทีละอุทเทส คือ นิทานุทเทส ปาราชิกุทเทส สังฆาทิเสสุทเทส อนิยตุทเทส และวิตถารุทเทส ถ้ามีอันตรายขณะกำลังสวดก็ใช้วิธีสวดย่อในอุทเทสที่เหลือแทน
– กรรมวรรค ในพระวินัยปิฎก ปริวาร (คำอธิบายละเอียดเรื่องการเน้นอักขระในการสวดกรรมวาจาจะอยู่ในส่วนของอรรถกถา)

ต่อไปจะตอบประเด็นที่มีผู้แย้งมาว่า ก็อ่านแปลไทยแทนจะได้เข้าใจความหมายไปเลย ไม่ดีกว่าหรือ?ตอบว่า ก่อนอื่น เมื่อไปอ่านแปลไทยแทนการสวดบาลี ย่อมทำให้สังฆกรรมวิบัติดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้า (นอกจากสวดบาลีจบแล้ว จะอ่านแปลไทยอีกรอบ แบบนี้ไม่เป็นไร) ทั้งถึงอ่านแปลไทยนั่นแหละ ก็ใช่ว่าจะสามารถทำความเข้าใจในแต่ละสิกขาบทได้อยู่ดี (ที่คิดว่าเข้าใจ อาจเข้าใจไม่ถูก) เพราะแต่ละสิกขาบทมีรายละเอียดมาก และหลายสิกขาบทยากในการทำความเข้าใจ ต้องอาศัยการศึกษาอย่างจริงจังเป็นระยะเวลาหนึ่ง การฟังปาติโมกข์ในวันอุโบสถ จึงเป็นเพียงการทบทวนสิกขาบทซึ่งตนศึกษามาดีแล้วก่อนหน้าเท่านั้น ไม่ใช่จะไปเข้าใจสิกขาบทตอนฟังปาติโมกข์นั้น

การเรียนรู้สิกขาบทของตนเพื่อที่จะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เป็นหน้าที่ของภิกษุทุกรูปในศาสนานี้อยู่แล้ว ดังข้อความในพระวินัยปิฎก จุลลวรรค ว่า
โย ควํ น วิชานาติ น โส รกฺขติ โคคณํ    เอวํ สีลํ อชานนฺโต กึ โส รกฺเขยฺย สํวรํ.

แปลว่า..คนที่ไม่รู้จักวัว เขาก็ย่อมจะไม่สามารถรักษาฝูงวัวไว้ได้ เช่นเดียวกัน ภิกษุเมื่อไม่รู้จักศีล ไฉนเธอจะพึงรักษาความสำรวมได้เล่า?

โดยเมื่อสวดเป็นบาลีตามพุทธบัญญัตินี่แหละ ไม่ว่าเป็นภิกษุเถรวาทประเทศใด ทั้งไทย พม่า มอญ กัมพูชา ลาว ศรีลังกา ฯลฯ มาร่วมในอุโบสถกรรมนั้นต่างก็เข้าใจแบบเดียวกัน แต่ถ้าต่างว่ากันด้วยภาษาของตนๆ แล้ว ภิกษุประเทศอื่นก็ไม่สามารถฟังเข้าใจได้

*ส่วนตัว มีเพื่อนสหธรรมิกหลายประเทศ ทั้งพม่า มอญ กัมพูชา ลาว ศรีลังกา กรณีที่ท่านพูดไทยไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีสื่อสารกันด้วยภาษาบาลีนี่แหละ เพราะเป็นภาษากลางสำหรับภิกษุเถรวาท ถึงสำเนียงจะต่างบ้างแต่ก็พอเข้าใจกันได้

สุดท้าย ฝากไว้ว่า หากภิกษุบริษัทยังรักษาแบบแผนที่พระผู้มีพระภาคทรงวางไว้ ไม่ออกนอกแนว พุทธศาสนาที่บริบูรณ์ครบถ้วนก็ยังสามารถสืบต่อไปได้ แต่ถ้าเริ่มมีการแหวกแนว ปรับนั่นเปลี่ยนนี่ คำสอนก็จะผิดเพี้ยนออกไปเรื่อย ๆ

หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นในอนาคตอันใกล้   จิรํ ติฏฺฐุ สทฺธมฺโม  ขอพระสัทธรรมจงดำรงมั่นตลอดกาลนาน

Leave a Reply