วันที่ 18 กรกฏาคม 2568 ณ อาคารวิปัสสนาธุระ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถร) ชั้น 2 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะอุปนายกสภามหาวิทยาลัย เดินทางมาเป็นประธานกิจกรรม “วันบูรพาจารย์” ของสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยมี พระพรหมวัชรธีราจารย์ อธิการบดี รองอธิการบดี คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ พร้อมด้วย ดร.ณัฐ รุ่งวงศ์ นายกสมาคมศิษย์เก่า มจร คณะกรรมการ รวมทั้งผู้เข้ารับรางวัลศิษย์เก่า ถวายการต้นรับจนล้นห้องประชุม
พระพรหมบัณฑิต ได้กล่าวตอนหนึ่งว่าการที่พวกเรามาร่วมตัวกันเป็นจำนวนมากจนล้นห้องประชุมวันนี้ถือว่ามาให้กำลังใจท่านอธิการบดีในสถานการณ์ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและคณะสงฆ์ได้รับผลกระทบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่ามาด้วยความเป็นกัลยาณมิตร สนับสนุนให้กำลังใจซึ่งกันและกัน คณะที่ศิษย์เก่าถือว่าเป็นบุคคล ดื่มน้ำจากบ่อ ไม่ลืมคนขุดบ่อ เราต้องต้องร่วมด้วยช่วยกันฟื้นตัว ปัญหาเมื่อวันเกิด มันเซ ทำอย่างจึงไรจึงไม่ให้ล้ม เกิดอาการเซบ้าง ทรุดบ้าง ต้องพยายามลุกขึ้นให้ได้ ตั้งตัวให้ได้ กลับมาสู่สภาพเดิมให้ได้ โดยเฉพาะการฟื้นศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชน ผู้ที่จะเข้ามาเรียน หรือ ผู้สนับสนุนผู้อุปถัมภ์มหาวิทยาลัย จึงฝากข้อคิดไว้ข้อคิดไว้ 3 ประการ คือ
” ประการแรก คือ การปรับตัว พวกเราชาว มจร เราอยู่แบบเดิมไม่ได้ ทำอย่างไรจึงจะอยู่รอด ทฤษฎีวิวัฒนาการของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน กล่าวถึงเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งหรือฉลาดที่สุดที่จะอยู่รอด มิได้เกิดจากความเข้มแข็งหรือความฉลาด แต่เกิดจากการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้ต่างหากจึงจะอยู่รอด พวกเราชาว มจร ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ได้ เราต้องปรับตัวเพื่อแก้ไขให้ได้ ประการที่สอง การตั้งตัว ตั้งสติ ประคับประคอง อย่าให้ล้ม ต้องช่วยกัน ในสถานการณ์เช่นนี้ มิใช่เสี้ยมกัน จับมือกันไว้ เพื่อรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ประการที่สาม คงตัว มั่นคงสม่ำเสมอ แบบยั่งยืน ทำอย่างไรสิ่งที่พวกเราสร้างกันมามันจึงจะยั่งยืนตลอดไป..”
สำหรับสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยต่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2513 นายกสมาคมคนแรกคือ ศ.พิเศษ จำนงค์ ทองประเสริฐ ผู้เป็นปูชนียบุคคลของศิษย์เก่าและใหม่ชาว มจร
Leave a Reply