วันที่ 24 ตุลาคม 2568 แถลงการณ์คณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬ มีความว่า จากกรณี มีผู้ไม่หวังดีปลอมแปลงแถลงการณ์คณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬ โพสต์ลงสื่อโซเซียล ถือเป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ (๑) และ (๒) เนื่องด้วยทางคณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬ ไม่มีมติ หรือ คำสั่ง ให้ออกแถลงการณ์ดังกล่าวจนเป็นเหตุให้มีผู้หลงเชื่อและเข้าใจผิดเป็นจำนวนมาก ว่าทางสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ ไม่มีการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับกรณี อดีตพระมหาศักดิ์ดา ที่กำลังเป็นที่สนใจของสื่อโซเซียล
ความจริงนั้น ทางคณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬ นำโดย พระเดชพระคุณ พระราชภาวนาโสภณ วิ. เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ พร้อมเจ้าคณะอำเภอเมืองบึงกาฬ ได้มีการหารือและตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง จากกรณีดังกล่าว จากกรณีที่มีผู้อ้างว่ามีพระผู้ใหญ่ เสนอตัวไกล่เกลี่ยปิดคดี ด้วยเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท แล้ว และทางคณะสงฆ์จังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจจากกรณีดังกล่าว
การที่มีผู้ไม่ประสงค์ดีแอบอ้างออกเอกสารอ้างเป็นแถลงการณ์คณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬนั้น จึงไม่เป็นความจริง เป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยในกรณีมีผู้แอบอ้างแถลงการณ์คณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬ นั้น เอกสารดังกล่าวไม่เป็นความจริง โปรดอย่าหลงเชื่อ และขอให้ติดตามแถลงการณ์ จากเพจสำนักงาน เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ เท่านั้น แม้แถลงการณ์ดังกล่าวจะก่อให้เกิดความเสียหายกับภาพลักษณ์ของคณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬ พระราชภาวนาโสภณ วิ. เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ พร้อมด้วยเจ้าคณะผู้ปกครองในจังหวัดบึงกาฬ ทุกรูป จะไม่ถือเอาโทษแก่ผู้กระทำการอันเป็นเท็จในครั้งนี้ เมตตาอโหสิกรรมต่อการกระทำ ดังกล่าวนั้น ดังพุทธสุภาษิตที่ว่า อเวเรน จ สมฺมนฺติ “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร”
แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่มีผู้ไม่หวังดีอ้างแถลงการณ์อันเป็นเท็จเพื่อทำให้พุทธศาสนิกชนหลงเชื่อและเข้าใจผิดอีก ทางคณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬ ได้เจริญพรมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบึงกาฬ ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว และหากยังมีผู้แอบอ้างคำสั่ง หรือแถลงการณ์คณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬอีก หรือมีเจตนานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อีก ทางคณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬ จะมอบหมายให้ทาง สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบึงกาฬ หรือมอบหมายให้ผู้แทนคณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬ ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีและดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
เรื่องอดีตพระมหาศักดิ์ดา ที่ได้ลาสิกขาออกไปแล้ว ทางคณะสงฆ์จึงไม่มีอำนาจในการลงโทษได้ คงให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่บ้านเมืองดำเนินการต่อไป ในกรณีของสามเณรทั้ง ๔ รูปนั้น หากคณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬ สอบถามเจ้าหน้าที่ และหากได้คำตอบแล้วว่าไม่เป็นการขัดต่อกระบวนการสืบสวน หรือ เป็นการทำให้เกิดความยุ่งยากต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ นั้น ทางคณะสงฆ์ก็จะลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจ พร้อมดำเนินการเยียวยาผู้เสียหายต่อไป ส่วนกรณีมีการอ้างว่าพระผู้ใหญ่ ช่วยไกล่เกลี่ย จ่ายเงินเพื่อให้เรื่องจบ ทางพระคณะสงฆ์กำลังดำเนินการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง หากมีการกระทำดังกล่าวจริง ทางคณะสงฆ์จังหวัดบึงกาฬจะมีการพิจารณาลงโทษ ตามธรรมวินัย และ กฎหมายบ้านเมือง เพื่อให้เกิดความถูกต้องและชัดเจนทั้งทางโลกและทางธรรม ต่อไปจึงเจริญพรมาเพื่อชี้แจ้งข้อเท็จจริง


Leave a Reply