หนังสือพิมพ์มติชนออไลน์ วิเคราะห์ การ ผลัดใบ “รัฐบาลพระ” เจาะลึก “มหาเถรสมาคม” ชุดใหม่ เดิมพันครั้งใหญ่กู้วิกฤตศรัทธา !ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา หากจะกล่าวถึงสถาบันทางสังคมที่ถูกตั้งคำถามอย่างหนักหน่วงที่สุด ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในนั้นคือ “สถาบันสงฆ์” ไม่ว่าจะเป็นข่าวฉาวเรื่องเงินทอนวัด พระเสพเมถุน พุทธพาณิชย์ ไปจนถึงการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมือง ทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนคลื่นใต้น้ำที่กัดเซาะรากฐานที่สำคัญที่สุดของศาสนาอย่าง “ศรัทธา” จนสั่นคลอน
แต่แล้วเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 สัญญาณการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ก็ได้เกิดขึ้น เมื่อราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่รายชื่อ “กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)” ชุดใหม่ จำนวน 20 รูป ซึ่งหลายฝ่ายขนานนามว่านี่คือ “การจัดทัพครั้งใหญ่” เพื่อกู้วิกฤตศรัทธาของพุทธศาสนาไทย
รู้จัก “ครม.สงฆ์” และอาญาสิทธิ์แห่งอำนาจใหม่
ก่อนจะไปดูโฉมหน้าคณะกรรมการชุดใหม่ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “มหาเถรสมาคม” ไม่ใช่เพียงที่ประชุมของพระผู้ใหญ่เพื่อสนทนาธรรม แต่มีสถานะเป็นนิติบุคคลที่มีอำนาจล้นฟ้าเสมือน “รัฐบาลกลาง” ของพระสงฆ์กว่า 3 แสนรูปทั่วประเทศ มีอำนาจหน้าที่ตั้งแต่การคุมกฎหมายสงฆ์ แต่งตั้งเจ้าอาวาส ตัดสินความผิดพระเณร ไปจนถึงการบริหารจัดการงบประมาณและศาสนสมบัติมหาศาล
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2561 เมื่อมีการแก้กฎหมายคณะสงฆ์ ถวายพระราชอำนาจคืนสู่พระมหากษัตริย์โดยตรง ส่งผลให้เก้าอี้กรรมการ มส. ไม่ใช่ตำแหน่งที่ขึ้นอยู่กับ “ระบบอาวุโส” หรือเป็น “สมบัติผลัดกันชม” อีกต่อไป แต่ต้องผ่านการคัดกรองด้วย “ความเหมาะสม” และ “พระราชอัธยาศัย” เท่านั้น
ส่องสเปก “เลือดใหม่” นักบริหาร นักการศึกษา และนักการทูต
จากการวิเคราะห์รายชื่อกรรมการ มส. ชุดใหม่ พบการเปลี่ยนแปลงสเปกของผู้บริหารสงฆ์อย่างมีนัยสำคัญ โดยเน้นพระที่มีความสามารถเฉพาะด้าน ดังนี้
#โมเดลพระนักบริหาร: การกลับมาของ “พระพรหมวัชรเมธี” (เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม) สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการพระนักพัฒนาที่สามารถเปลี่ยนวัดเก่าแก่ให้กลายเป็น Landmark ระดับโลก สร้างรายได้เข้าวัดควบคู่ไปกับการรักษาแก่นธรรม
#รื้อระบบการศึกษา: การแต่งตั้ง “พระธรรมวชิรจินดาภรณ์” (เจ้าคุณสมคิด วัดราชบพิธฯ) ซึ่งมีวัยเพียง 55 ปี และเป็นอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) บ่งบอกถึงโจทย์ใหญ่ในการรื้อระบบการเรียนสงฆ์ให้ทันโลกยุค AI เพื่อดึงคนรุ่นใหม่กลับมาสนใจธรรมะ
.
#SoftPowerพุทธไทย: “พระพรหมเสนาบดี” ผู้เชี่ยวชาญงานต่างประเทศ เข้ามาเพื่อรับมือกับยุค Geopolitics ที่ศาสนาถูกใช้เป็นเครื่องมือเชื่อมสัมพันธไมตรี
#สายวิปัสสนาที่ขาวสะอาด: มีการแต่งตั้งพระเถระสายวิปัสสนาและงานปกครองที่มีภาพลักษณ์สมถะ เช่น พระพรหมวัชรสุทธาจารย์, พระธรรมวัชรญาณวิศิษฏ์ และ พระพรหมวชิรานุวัตร เข้ามาเพื่อถ่วงดุลและสร้างภาพลักษณ์ความโปร่งใส
นัยยะแห่งการจากลา ทำไม “บิ๊กเนม” ถึงหลุดโผ ?
ในขณะที่มีผู้มาใหม่ การหลุดจากตำแหน่งของพระผู้ใหญ่ระดับ “สมเด็จ” และพระเกจิดังหลายรูป ก็แฝงนัยยะที่ลึกซึ้ง
#มาตรฐานจริยธรรมที่สูงขึ้น: กรณี “พระพรหมดิลก” (วัดสามพระยา) แม้ศาลจะยกฟ้องคดีเงินทอนวัดแล้ว แต่การไม่ได้กลับเข้ามาสะท้อนหลักการที่ว่า ผู้นำสงฆ์ต้อง “ไร้มลทินมัวหมอง” หากมีแผลเป็นในอดีต อาจไม่เหมาะที่จะนั่งในจุดสูงสุด
#ลดความขัดแย้ง: กรณี “พระพรหมกวี” (วัดกัลยาณมิตร) ที่มีปัญหายืดเยื้อเรื่องการรื้อถอนโบราณสถาน การปรับออกคือการลดแรงเสียดทานทางสังคม
#การดุลอำนาจ: การพ้นจากตำแหน่งของ “สมเด็จพระมหาธีราจารย์” (วัดโพธิ์) พี่ใหญ่สายปกครอง อาจมองได้ว่าเป็นการเกลี่ยดุลอำนาจใหม่ ไม่ให้วัดใดวัดหนึ่งมีอิทธิพลมากเกินไป
#เปลี่ยนผ่านศูนย์กลางอำนาจธรรมยุต: การหลุดตำแหน่งของ “พระพรหมวชิรวิมล” (วัดบวรนิเวศวิหาร) ตอกย้ำว่าศูนย์กลางอำนาจใหม่ของฝ่ายธรรมยุตได้ย้ายจากวัดบวรฯ ไปสู่ “วัดราชบพิธ” และ “วัดเทพศิรินทร์” อย่างสมบูรณ์แล้ว
3 ยุทธศาสตร์ “กู้ศรัทธา” สู่อนาคต
ภายใต้หน้าตาคณะรัฐมนตรีสงฆ์ชุดใหม่ ทิศทางของพุทธศาสนาไทยกำลังมุ่งหน้าสู่ 3 ยุทธศาสตร์หลัก:
#ธรรมาภิบาลต้องนำหน้า: หมดยุค “เจ้าอาวาสคือเจ้าพ่อ” การบริหารจัดการเงินวัดต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และการเลื่อนสมณศักดิ์ต้องดูที่ผลงานจริง
#การทำงานเชิงรุก: พระสงฆ์จะไม่รอรับกิจนิมนต์อยู่แต่ในวัด แต่ต้องใช้เทคโนโลยีและสื่อออนไลน์รุกเข้าไปหาประชาชน เพื่อตอบโจทย์จิตวิญญาณของคนเมือง
#เอกภาพของสังฆมณฑล: ความขัดแย้งระหว่างมหานิกายและธรรมยุตจะลดลง ด้วยโครงสร้างการรวมศูนย์อำนาจ เพื่อร่วมมือกันกู้วิกฤตศรัทธา
#บทสรุป: การแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมชุดใหม่นี้ คือการเดิมพันครั้งสำคัญที่สุดของวงการสงฆ์ไทย เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าเก้าอี้ผู้บริหารสงฆ์ยุคนี้ “ไม่มีตั๋วตลอดชีพ” หากถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม ก็พร้อมจะเกิดขึ้นทันที
10 ธันวาคม 2568 นี้ รัฐนาวาลำใหม่ของคณะสงฆ์จะเริ่มออกเดินทาง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า “ผ้าเหลือง” ยังคงเป็นที่พึ่งทางปัญญาและจิตวิญญาณได้จริงหรือไม่ ประชาชนชาวพุทธอย่างเรา คือผู้ตัดสิน
ที่มา “มติชนออนไลน์”

Leave a Reply