ผมอ่านเรื่องเล่าจากประวัติ “มหาเอื้อน” หรือ “อดีตพระพรหมดิลก” จากเพจผู้ใช้นามปากกาว่า “จีวร” แล้ว คิดถึงท่านอย่างไรไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ผมกับมหาเอื้อนแทบไม่รู้จักกันเลย ผมเคยเจอและสนทนากับท่านครั้งเดียว จำได้ว่าเป็นหอประชุมใหญ่พุทธมณฑล โดยผ่านคุณสมหมาย สุภาษิต ผมสนทนากับท่านช่วงสั้น ๆ ในฐานะผมเป็นสื่อท่านระมัดระวังคำพูดมาก จำได้ว่าท่านพูดมาคำหนึ่งว่า “เรื่องการศึกษาของคณะสงฆ์ อาตมาพูดได้ แต่เรื่องอื่นอาตมาไม่สะดวก” ความจริงเท่าที่ทราบมหาเอื้อนเป็นคนตรงประเภท “ไม้บรรทัดเรียกพี่” เป็นพระที่สมถะถอดแบบมาจาก สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ หรือสมเด็จฟื้นผู้เป็นอาจารย์ รักและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ รักและเชิดชูพระพุทธศาสนา ประเภทยอมสละชีพได้ เพื่อสิ่งที่ตัวเองรักและบูชา
เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาเห็นพระสงฆ์ไปตรวจสอบนักธรรมที่วัดสามพระยาแล้วอดคิดถึงท่านไม่ได้ เสียดายว่าท่านถูก “วิบากกรรม” เข้ามาในห้วงเวลานี้ ซึ่งตอนนี้กำลังตกเป็นจำเลยทางคดีและจำเลยทางสังคม เพจชื่อว่า “จีวร” ได้รวบรวมประวัติท่านและผลการทำงานอะไรต่างๆ ของท่านเอาไว้ พร้อมทั่งลงพื้นที่หาข้อมูลกันที่วัดสามพระยา ทำให้ได้พบและทราบอะไรหลายอย่างที่อยาก ผมเลยขออนุญาตมาเผยแพร่ประวัติและผลงานมหาเอื้อน เพื่อรำลึกถึงท่านไว้ ณ โอกาสนี้..
...พระมหาเอื้อน ฉายา หาสธมฺโม นามสกุล กลิ่นสาลี เป็นคนนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกิดเมื่อปีพุทธศักราช 2488 ปัจจุบันอายุ 73 ปี บวชมา 50 กว่าพรรษาแล้ว
…พระมหาเอื้อน สอบไล่ได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ซึ่งเป็นการศึกษาชั้นสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย เมื่อปีพุทธศักราช 2523
…พระมหาเอื้อน สนองงานถวายเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น) อยู่ 2 ปี ก่อนบินไปศึกษาต่อที่ประเทศอินเดีย
…พระมหาเอื้อน จบการศึกษาระดับปริญญาโท ในสาขาบาลีและการศึกษาทางพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยพาราณสี เมื่อปีพุทธศักราช 2526
…พระมหาเอื้อน หลังจากศึกษาปริญญาโทจบแล้ว ก็ได้ลงเรียนต่อระดับปริญญาเอกในสาขาเดิม และจบปริญญาเอก เมื่อปีพุทธศักราช 2529
…พระมหาเอื้อน หลังเรียนจบแล้วก็กลับมาสนองงานรับใช้เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น) โดยดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง จวบจนเจ้าประคุณสมเด็จฯ ถึงมรณภาพ จึงได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสามพระยาในเวลาต่อมา
…พระมหาเอื้อน เป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ส่วนกลาง มาตั้งแต่เป็นมหาเปรียญ แม้กระทั่งเป็นพระราชาคณะชั้นรองสมเด็จแล้ว ก็ยังสอนอยู่ อย่างในโรงเรียนคณะสงฆ์นี่ เวลาเข้าสอนปกติคือ 4 โมงเย็น กว่าจะเลิกสอนก็ปาเข้าไปเกือบ 6 โมงเย็น บางทีสอนเพลินเกินเวลาก็มี จิตวิญญาณครูมาเต็ม สอนจนชนิดที่ว่าระฆังทำวัตรเย็นวัดสามพระยาตอนหกโมงเย็นยังไม่ดัง ก็ยังไม่เลิก ระฆังดังเมื่อไหร่ ค่อยเลิกตอนนั้น สอนแบบนี้มาทุกปี นับเวลาดูตอนนี้ก็ประมาณ 40 กว่าปีแล้ว ที่สอนหนังสือมาและเลิกพร้อมเสียงระฆังดัง และแม้กระทั่งในวัดสามพระยาเอง เราคงจินตนาการภาพที่พระระดับเจ้าอาวาสและเป็นพระราชาคณะชั้นรองสมเด็จ ลงไปนั่งสอนนักธรรมบาลีกับเณรน้อยขี้มูกยืด ห่มผ้าจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ ไม่ออกเท่าไหร่นัก แต่ขอบอกเลยว่าพระมหาเอื้อน (อดีตพระพรหมดิลก) ทำมาแล้ว และทำประจำจนเป็นภาพที่พระเณรในวัดสามพระยาเห็นกันจนชินตา
…พระมหาเอื้อน นอกจากจะสอนหนังสือพระเณรแล้ว ยังเป็นกรรมการเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง ประจำกองบาลีสนามหลวงอีกด้วย โดยเฉพาะวิชาแต่งฉันท์ภาษามคธ ประโยค ป.ธ.8 ที่ท่านสอนอยู่ในโรงเรียนคณะสงฆ์ สอนเอง เฉลยเอง นักเลงพอ และเป็นกองตรวจประโยค ป.ธ.8 ที่มีผลงานที่น่าทึ่งจนแม่กองบาลีสนามหลวงขยับท่านให้ไปเป็นกรรมการตรวจชั้นประโยค ป.ธ.9 และเป็นเพราะความตรงของท่านนี่แหละที่ทำนักเรียนประโยค ป.ธ.9 ร้องจ๊ากกันมาแล้วเป็นแถว เพราะหากเขียนผิดตัวนึงหรือบรรทัดนึงแล้วไปขึ้นมือท่าน ท่านขีด 3 ปื้ด เห็นไม่สมภูมิ ท่านก็ไม่ให้ผ่าน พวกคุณมหาก็ดี ลูกเณรทั้งหลายก็ดี ปีหน้าสอบใหม่นะ
…พระมหาเอื้อน สนองงานคณะสงฆ์มาจนได้รับความไว้วางใจจากพระมหาเถระ ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ มาตามลำดับ เป็นตั้งแต่รองเจ้าคณะภาค 1 เจ้าคณะภาค 14 กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เรียกได้ว่าผ่านงานมาทุกบทบาท ทั้งงานเลขา ผู้ว่า รองแม่ทัพ แม่ทัพ ยันรัฐมนตรีเลยทีเดียว
…พระมหาเอื้อน นอกจากจะเป็นทั้งพระนักการศึกษาและพระนักปกครองแล้ว ยังเป็นพระนักการกุศลอีกด้วย อย่างเช่น เมื่อตอนที่ภาคใต้และต่างประเทศประสบอุทกภัย และแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล ก็เป็นท่านนี่แหละที่ให้บรรดาพระสังฆาธิการรวบรวมเครื่องอุปโภค-บริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง นำไปแจกจ่ายตามพื้นที่ต่างๆ ระดมสรรพกำลังและทุนทรัพย์เท่าที่คณะสงฆ์พอจะช่วยได้ส่งไปช่วยเหลือ และในฐานะที่เป็นกรรมการโรงพยาบาลสงสฆ์ เคยมีบางครั้งที่แอบไปถวายข้าวของเครื่องใช้ ถวายค่ายาให้พระผู้ป่วยติดเตียงแบบเงียบๆ ที่โรงพยาบาลสงฆ์ก็มี ซึ่งข้อมูลนี้ ไม่ค่อยมีคนรู้มากนัก
…พระมหาเอื้อน เป็นพระนักปาฐกถา นักแสดงธรรม และนักบรรยายความรู้ ชนิดแบบขวานผ่าซาก พูดจาเอาใจใครไม่เป็น เรียกได้ว่ามะนาวไม่มีน้ำเลยล่ะ ดีก็ว่าดี ไม่ดีก็จะไม่บอกว่าดี แต่ถ้าใครเข้าใจและรู้จักท่านจริงๆ จะรู้ว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นแฝงไปด้วยแง่คิดและคติธรรม ซึ่งมีการเล่นคำบ้างตามลีลาโวหาร และเรื่องที่พูดมักแฝงไปด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนรู้รักสามัคคี ทำความดีเพื่อประเทศชาติ เคารพเทิดทูนสถาบันหลักอยู่เสมอ ไม่ว่าจะทั้งในวัดหรือในเขตปกครอง ในหน่วยงานของภาครัฐ ภาคเอกชน สถานศึกษา และสถานีวิทยุกระจายเสียงต่างๆ
…พระมหาเอื้อน เป็นผู้ริเริ่มในการจัดให้มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และในปัจจุบันก็คือพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม ก็เป็นผู้ผลักดันให้มีมติมหาเถรสมาคมเกี่ยวกับการเจริญพระพุทธมนต์เพื่อถวายพระพรชัยมงคลขึ้น
….พระมหาเอื้อน ยามว่างจากปฏิบัติศาสนกิจและสอนหนังสือแล้ว ก็จะหยิบกระดาษมาหนึ่งแผ่นเท่าที่หาได้ใกล้ตัว กับปากกาหรือดินสอแล้วแต่จะหาได้แถวนั้น เขียนร่างฉันท์ถวายพระพรบทใหม่ๆ อยู่เสมอ บางทีก็ไปเอาของเก่ามาแก้ใหม่ ปรับปรุงใหม่ ใช้คำใหม่ ให้ดีขึ้น ไพเราะขึ้น กระชับขึ้น ปรับแก้อยู่เป็นเดือนๆ กว่าจะได้ฉันท์สวดถวายพระพรที่ใช้สวดในคณะสงฆ์แต่ละครั้ง บางครั้งออกตรวจการณ์คณะสงฆ์ก็จะหอบเอาไปแก้ด้วย ประมาณว่าถ้าเป็นเพชร ก็เจียแล้วเจียอีก เจียแล้วเจียอีก เจียจนได้เพชรเม็ดงามนั่นแหละ ทั้งหมดทั้งมวลก็ด้วยใจที่ประสงค์จะให้ฉันท์ถวายพระพรออกมาดีที่สุด
…พระมหาเอื้อน ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่มีอะไรพิเศษ ฉันข้าวต้มกับปลาสลิดเหมือนพระเถระผู้เฒ่าทั่วไป วันไหนต้องไปตรวจการณ์คณะสงฆ์แต่เช้า ก็ต้มมาม่าฉันสักห่อก่อนออกเดินทาง ไม่ได้ฉันอะไรหรูหราฟุ่มเฟือย บางครั้งฉันผัดกระเพรากล่องตอนเพลก็มี มีอะไรก็ใช้อย่างนั้น ใช้ชีวิตในสมณเพศโดยยึดหลัก 3 ท. ทำธรรม ทำงาน ทำคน ไม่เคยถือตัว เป็นกันเอง เป็นคนที่หน้าดุ ปากดุ แต่หัวใจไม่เคยดุ ใครที่ได้ใกล้ชิดกับท่านมักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ปากร้าย ใจดี
…พระมหาเอื้อน เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในการปกครอง เป็นผู้ที่ใช้พระเดชและพระคุณในการบริหารงานควบคู่กันไป เป็นคนกล้าคิด กล้าทำ เด็ดขาด และเด็ดเดี่ยว คอยสอดส่องดูแลความเป็นอยู่ของพระภิกษุสามเณรและพระสังฆาธิการในปกครองอยู่เสมอ ทำให้ท่านเป็นที่รักเคารพนับถือของพระภิกษุสามเณรภายในวัดและนอกวัด รวมถึงพระสังฆาธิการในเขตปกครอง บางครั้งหลังทำวัตรเย็นเสร็จ หากไม่มีพระหรือผู้ใดมาพบ ก็เดินตรวจรอบวัดดูความเป็นอยู่พระเณร รูปไหนขาดเหลืออะไรก็สั่งให้พระเลขาจัดหาให้ หรือเดินไปเจอเณรน้อยก็มักจะทักทายอย่างเป็นกันเองว่าลูกเณรเสมอๆ
…พระมหาเอื้อน เป็นผู้มีอุปนิสัยเกลียดความอยุติธรรมทุกรูปแบบ ไม่ใช่คนที่ทำอะไรเพราะเห็นแก่เงินทองลาภสักการะ มีเรื่องเล่าในหมู่ลูกศิษย์ว่า เคยมีพระวัดหนึ่งแอบเอาเงินมาใส่รถท่านโดยที่ท่านไม่รู้ ได้ยินว่าประมาณหลายแสนบาท พอรู้เท่านั้น ท่านรีบให้คนขับรถตีรถกลับทันทีเพื่อเอาเงินไปคืน โดยท่านบอกว่า ท่านไม่ได้ทำงานเพราะเห็นแก่เงินทอง ท่านทำเพราะมันเป็นงานศาสนา อย่ามาดูถูกกันแบบนี้
…พระมหาเอื้อน เป็นผู้ที่ชอบให้ ให้ทั้งทาน ให้ทั้งวิทยาทาน และให้ทั้งธรรมทาน เป็นพระที่ชอบแจก แจกทั้งทุนการศึกษา แจกทั้งอุปกรณ์กีฬา แจกสิ่งของเครื่องใช้แก่ผู้ที่คลาดแคลน แจกธรรมที่ยกหลักความจริงเอามาเปรียบเปรย เอามาสอน ให้คิดภาพตาม ให้เข้าใจถึงความเป็นจริง อะไรที่ว่าผิดก็ผิด อะไรที่ว่าถูกก็ถูก เคยถูกชมแกมสัพยอกจากพระสังฆาธิการด้วยกันว่า ตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดเสียอีก ขนาดไม้บรรทัดยังเรียกพี่เลย
….และนี่ก็คือชีวิตของพระมหาเอื้อน หาสธมฺโม (กลิ่นสาลี)
#ชีวิตของพระที่หน้าดุปากร้ายแต่ใจดี
#ชีวิตของพระที่ตงฉินขนาดไม้บรรทัดเรียกพี่
#ชีวิตของพระที่เกลียดความอยุติธรรมมาตลอดชีวิต
#ชีวิตของพระที่ถูกกล่าวหาว่าโกงเงินสำนักพุทธฯ
#ชีวิตของพระที่วันหนึ่งไม่มีใครคิดว่าจะถูกกระทำแบบนี้
#ชีวิตของพระที่เชื่อมั่นในความถูกต้อง
ผู้เขียนคิดว่า บรรยากาศการสอบบาลีสนามหลวงที่วัดสามพระยาปีนี้ คงเงียบเหงาลงไปถนัดตา คงไม่ได้ยินเสียงประกาศหมดเวลาและสั่งให้วางปากกาที่คุ้นเคยเหมือนปีก่อนๆ อีกแล้ว…
****************************
ขอบคุณเพจ “จีวร”
Leave a Reply