สัมภาษณ์พิเศษ : พระสุธีวีรบัณฑิต (ดร.พระมหาโชว์ ทสฺสนีโย) ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย : โดย อุทัย มณี
*******************************
ตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช.เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา บทบาทพระสงฆ์กับการเมืองนับน้อยถอยลง อันเนื่องมาจากหลายปัจจัย เช่น พระสงฆ์ที่มีบทบาททางการเมืองเองก็ถูกหน่อยความมั่นคงติดตาม บล๊อคตัว พระสงฆ์ที่มีบทบาททางเมืองหลายรูปมีแผลคือคดีติดตัวไม่กล้าขยับ พระสงฆ์ที่มีบทบาททางการเองถูกพระเถระผู้ใหญ่ห้ามเคลื่อนไหว และสุดท้ายบางรูปพระสงฆ์ที่เคยมีบทบาททางการเมืองเองก็เอื่อมระอากับความขัดแย้งที่ไร้ทางจบในประเทศไทย
กรณีนี้เว้น ห้วงเวลาที่มีการชิงอำนาจสมเด็จพระสังฆราช พระพุทธอิสระขยับเมื่อไร กลุ่มพระสงฆ์ที่มีบทบาททางการเมืองจะขยับตัวทันที จนเป็นที่มาของการปะทะคารมระหว่างพระสงฆ์ต่อพระสงฆ์ผ่านสื่อหลายครั้ง จนเป็นที่มาระหว่างพระสงฆ์ต่อพระสงฆ์ฟ้องร้องและเข้ากระบวนการต่อสู้กันในศาลหลายคดี
ในประวัติศาสตร์ชาติไทยพระสงฆ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองหลายครั้งหลายรูป บางรูปถูกการเมืองเล่นงาน บางรูปเข้าไปพัวพันกับการเมืองเอง หลังปี 2500 มานี้เช่น พระพิมลธรรม (อาจ อาสภเถร) ถูกการเมืองในคณะสงฆ์และการเมืองจากภายนอกในยุคเผด็จการสั่งให้ “ถอดจีวร” พระกิตติวุฒโฑ เจ้าของวดี “ฆ่าคอมนิสต์ไม่บาป” ถูกฝ่ายขวา อันได้แก่นวพล กลุ่มกระทิงแดงในสมัยนั้นนำไปใช้เป็นวาทกรรมโจมตีฝ่ายซ้าย และยุยงให้คนไทยเกลียดชังนิสิตนักศึกษาที่ชุมนุมต่อต้านการกลับเข้าประเทศของจอมพลถนอม กิตติขจรในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นำไปสู่การสังหารหมู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519
ในยุคความขัดแย้งระหว่างสีเสื้อคงไม่มีใครไม่รู้จัก “พระมหาโชว์ ทสฺสนีโย” หรือ พระสุธีวีรบัณฑิต พระสงฆ์นักกิจกรรมที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมือง จนได้รับฉายาว่า “พระจีวรแดง” เจ้าคุณโชว์เป็นนักพูด นักคิด นักปาฐถกา จัดเป็นประสงฆ์นักกิจกรรมหัวก้าวหน้าที่ดำเนินกิจกรรมทางศาสนาในลักษณะของการเรียกร้องกฏหมาย ดำเนินกิจกรรมทางศาสนาในหลายกรณีโดยเฉพาะประเด็นการเรียกร้อง “พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ” การเรียกร้องกระทรวงพระพุทธศาสนา จนเป็นที่มาของ “สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” และอีกหลายเรื่องที่ชาวพุทธและพระสงฆ์เองยังไม่รู้ว่า บางเรื่องที่คณะสงฆ์มีเย็นเป็นสุข กินหลับนอนสบายอยู่นี่ เป็นเพราะผลงานเจ้าคุณโชว์ที่เสียสละอุทิศความสุขส่วนตัว อันเสี่ยงต่อติดการติดคุกหลายเพลา
ปัจจุบันชาวพุทธบางคนนึกว่าเจ้าคุณโชว์มรณภาพไปแล้ว เพราะมีข่าวว่า ป่วยหนักต้องผ่าตัดร่างกายทรุดโทรม คนที่ชอบก็เป็นห่วงนักต่อสู้เพื่อพระพุทธศาสนารูปนี้ สำหรับคนที่ไม่ชอบก็แช่งให้มรณภาพไว ๆ ก็มี เมื่อเร็ว ๆ ทีมงานเวปไซร์ thebuddh.com ได้รับเกียรติสัมภาษณ์เจ้าคุณโชว์ ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเจอหน้าเจ้าคุณโชว์เปิดประเด็นก่อนเลยว่า
“..อาตมาเริ่มเข้าสู่การเมืองโดยการเรียกร้องเพื่อพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ปี 2544 ยุคคุณทักษิณ ชินวัตร ทั้งเรื่องการศึกษาที่นำคนต่างศาสนามาปฎิรูปการเรียนการสอนศาสนาพุทธในโรงเรียน ทั้งเรื่องคุณทักษิณจะนำที่ดินวัดร้างแปลงเป็นทุน เรียกร้องให้ตั้งกระทรวงพุทธแต่ได้แค่สำนักพุทธฯ เรียกร้องสู้มาทุกรัฐบาล…สมัยประเทศมีสีเสื้อ วิทยุโทรทัศน์ฝ่ายพันธมิตรอาตมาก็เคยไปจัดอยู่ 3-4 ปี, ทีวีเอเชียอัพเดท อาตมาก็จัดอยู่หลายปี กลุ่มไหนอาตมาเห็นว่ามีความชอบธรรม ถูกต้อง ยึดกฎหมาย อาตมายืนอยู่ตรงจุดนั่น อาตมามิใช่ลิ่วล้อชินวัตรหรือสนธิ ลิ้มทองกุล นี่คืออาตมา อาตมาต่อสู้เพื่อคณะสงฆ์ ต่อสู้เพื่อพระพุทธศาสนาและความถูกต้อง ความยุติธรรม แม้กระทั้งเรื่องเกี่ยวข้องกับต่างศาสนามาใช้ศัพท์ทางพุทธศาสนา อันนี้ไปเรียกร้องเข้าไปหาถึงผู้นำศาสนาสุงสุดองค์กรของเขาเลย เพราะเขาใช้ศัพท์ทางพุทธศาสนาเรา ใช้รูปแบบพิธีกรรมแบบเรา ทำให้ศาสนิกชนสับสน สมัยคุณทักษิณ นี้ เราไปธุดงค์อยู่หน้ารัฐสภาหลายรอบ ”
◊ แล้วคิดอย่างไรเมื่อถูกมองว่าเป็นพระจีวรแดง เป็นพระย่ามแดง เป็นพระการเมือง
จริงๆ แล้ว อาตมาไปอยู่เอเชียอัฟเดท ไปอยู่เอเอสทีวี ในจำนวนคนเสื้อแดงประมาณ 70% นี้เขาไม่คิดจะด่าพระหรอก แต่บรรดาเสื้อเหลืองบางคนเป็นลูกศิษย์เรา เราก็เรียกมาคุยแล้วอธิบายให้ชัดว่า ทำไมพระอาจารย์ต้องขึ้นเวทีเสื้อแดง เราก็บอกว่าหากเสื้อแดงมันมีความยุติธรรม ก็ไม่ต้องนิมนต์อาตมาไปหรอก แต่ยินดีไปเองและขึ้นไปพูดให้ และของทีวีวิทยุผู้จัดการนี้ อาตมาไปจัดอยู่ 3-4 ปี ก็เหมือนกับเสื้อแดงที่เขาทำนี้ หากเขายึดความยุติธรรม ความถูกต้อง ไม่ต้องนิมนต์ไป ก็จะไป แต่หากเขาไม่ยึดความถูกต้อง ก็จะไปกระทืบซ้ำอีกชั้นหนึ่ง ก็หมายความว่า หากเสื้อเหลืองเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ ต่อให้ช้างมาลากขึ้นไป ก็ไม่ไปหรอก ในลักษณะเดียวกันหากเสื้อแดงเป็นดังที่เสื้อเหลืองบางคนเป็นคือ ประชาธิปไตยมิได้เป็นประชาธิปไตย รัฐสภามิได้เป็นรัฐสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็นอธิการบดีสถาบันการศึกษาหลักของชาติหลายคน ไปร่วมเดินขบวนกับเขา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองสอนหลักประชาธิปไตย สอนนิติศาสตร์ สอนให้ลูกศิษย์ยึดมั่นในประชาธิปไตย ยึดมั่นในหลักกฎหมาย แต่ตัวเองไปร่วมทำลายสิ่งที่ตัวเองสอน แบบนี้อาตมาว่าใช้ไม่ได้ อาตมาถามว่า ทำแบบนี้ อะไรคือความยุติธรรม
◊ หมายความว่าเวลาเจ้าคุณโชว์จะไปร่วมกับกลุ่มไหนก็แล้ว ยึดความถูกต้องเป็นหลัก
อาตมาบอกแล้วไงว่า หากเสื้อแดง มึงทำตัวเหมือนเหลือง กูจะไปตามกระทืบมึงเอง แต่หากเหลืองทำตัวเหมือนแดง มึงไม่ต้องเอาช้างมาลากกูไปหรอก กูจะตามมึงไปเอง ความถูกต้อง ก็คือความถูกต้อง
◊ แล้วอะไรคือความถุกต้องของเจ้าคุณโชว์
ก็ดูความซื่อสัตย์ การตระบัดสัตย์ หรือแม้แต่องค์กรอิสระที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ ตามหลักประชาธิปไตยอำนาจ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ เขาแยกถ่วงดุลกันชัดเจน แต่นี้ก้าวก่าย มั่วไปหมด องค์กรอิสระ ระบบยุติธรรมต้องเป็นกลาง จะไปเลือกข้างไม่ได้ แต่ทุกวันนี้ระบบยุติธรรมองค์กรอิสระ ถูกวิพากษ์วิจารณ์เละเทะไปหมด หรือในสมัยหนึ่ง องค์กรที่ออกกฎหมายก็ถูกมองว่าทำเพื่อชินวัตร เรานี้มิได้เป็นลิ่วล้อของชินวัตร ชินวัตรมิใช่พ่อ อย่างชินวัตร ทั้งเรื่องการปฎิรูปกระทรวง ทบวง กรม เรื่องพุทธศาสนาประจำชาติ เรื่องที่ดินวัด อาตมาก็ต้องสู้กับทักษิณ ชินวัตรมา อย่างคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็เคยยกย่องทักษิณ ตอนหลังมีข่าวว่าไม่ได้รับผลประโยชน์สิ่งที่ตัวเองไปขอ ก็เล่นกัน ถามว่าแบบนี้ ความถูกต้องมันอยู่ที่ไหน ถามดูว่า นายกรัฐมนตรี ทั้งทักษิณ ยิ่งลักษณ์ อภิสิทธิ์ ใครอยู่ใกล้ความยุติธรรมมากที่สุดนั่นแหละเขาเรียกว่า “มีธรรมาภิบาล”
แม้แต่เรื่องคนต่างศาสนามารุกศาสนาพุทธเรา อันนี้เราก็ต่อสู้ คนต่างศาสนาเขาใช้กฎหมายรุก พระเราเหมือนพลเมืองชั้นสองอยู่แล้ว เราต่อสู้เพื่อให้พระสงฆ์เรายืนหยัดอยู่ในสังคมแบบมีสิทธิและเสียงบ้าง
◊ เจ้าคุณโชว์เริ่มสนใจการเมืองและลงสู่ริมถนน ต่อสู้เพื่อพุทธศาสนา ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง มาตั้งแต่เมื่อไร
เริ่มต่อสู้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ตั้งแต่การปฎิรูปการศึกษา คือ การปฎิรูปการศึกษา รัฐบาลตั้งคณะกรรมการมา 9 คน แต่คนที่เป็นพุทธและมีหัวใจเป็นพุทธแท้ ๆ มีไม่กี่คน เอาคนต่างศาสนามาปฎิรูปการเรียนการสอนพุทธศาสนา และซ้ำจะถอดการเรียนการสอนพุทธศาสนาในโรงเรียนออก อาตมาและคณะไล่บี้หลายเวที ก็ไปหาอธิบดีกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ไปซัดกันหลายรอบ จน คุณสิริกร มณีรินทร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต้องวิ่งเข้ามาหาที่มหาจุฬาฯ ไปไม่เป็น จนเป็นที่มาของการผลิตและออกหนังสือหลักสูตรการเรียนการสอนพระพุทธศาสนาในโรงเรียนปัจจุบันนี่ เพราะเราต่อสู้ตรงนั้นมา เมื่อวิ่งเข้ามาก็ไปหาพระธรรมโกศาจารย์ (ปัจจุบันพระพรหมบัณฑิต อดีตอธิการบดี มจร ) อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการร่างหลักสูตรการปฎิรูปการเรียนการสอนพุทธศาสนาในโรงเรียน อันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เราสู้กันมา คือไล่บี้มาจากข้างนอก แล้วต้อนเข้ามาหาเรา ซึ่งเรื่องนี้ก็จบลงด้วยดี คือมีการปฎิรูปการสอนพุทธศาสนาในโรงเรียน อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่อาตมาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องเพื่อพระพุทธศาสนา
◊ อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นให้เจ้าคุณโชว์เข้ามาเกี่ยวข้องกับนักการเมือง นโยบายภาครัฐ
อันนี้เรียกร้องเพื่อความถูกต้องในเรื่องการปฎิรูปการเรียนการสอนพุทธศาสนาในโรงเรียน ต่อจากนั้นเราก็เป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของวุฒิสภา เป็น 7-8 ปี อาตมาทำเป็น 100 กว่าเรื่อง ซึ่งเราเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการกำหนดการประชุม แต่คนเซ็นคือ ประธานวุฒิสภา เช่น กรณีวัดกู้ จังหวัดนนทบุรี ทะเลาะกัน จะต้องเรียกใครมาชี้แจง มาไกล่เกลี่ย เราเป็นผู้กำหนดและชี้เป้าทั้งนั้น เรื่องคนต่างศาสนา เรื่องคนในสำนักงานพุทธไปหาผลประโยชน์จากการเช่าที่ดินวัด ศาสนสมบัติกลาง หรือแม้แต่การเอาพระพุทธรูป ออกไปจากระทรวงมหาดไทย สมัยหนึ่งที่มีคนต่างศาสนาเป็นเสนาบดีกระทรวง เราก็ต่อสู้กันมาแบบนี้ คือเอามาคุยกันในกรรมาธิการ มาไกล่เกลี่ย เรียกร้องความเป็นธรรม ความยุธรรม ในฐานะชาวพุทธ
◊ ในสังคมไทย มันมีชาวพุทธกลุ่มหนึ่งมองว่าพระสงฆ์ ต้องอยู่ในกรอบพระธรรมวินัย กฎหมายบ้านเมือง มติมหาเถรสมาคม คือ ห้ามยุ่งกับการเมือง ทำไมเจ้าคุณโชว์ จึงละเมิดกรอบเหล่านี้หมดเลย
คือ หากเราไม่พูด ไม่ชี้แจง ไม่ออกมา ศาสนาพุทธในไทยจะไม่เหลือ ตอนนี้ชาวพุทธลองคิดสิว่า เราเจอกับอะไรบ้างลองคิดให้ดี ลองทบทวนให้ดี แล้วถามจริง ๆ สิ่งที่อาตมาทำ แล้วบอกว่าเป็นการเมือง ห้ามการเมือง สิ่งที่อาตมาทำมันอิงหรือผิดพระธรรมวินัยข้อไหน แล้วที่ว่า เป็นมติมหาเถรสมาคมนี้ มันเป็นกฎหมายอะไร มีคนเคยเห็นใส่ใจบ้างไหม ตอนนี้คณะสงฆ์ไทยเจอหลายเรื่องทั้งเรื่องที่เกิดจากภายในและเรื่องที่เกิดจากภัยนอก โดยเฉพาะภัยนอกภัยต่างศาสนา เราเคยคิดบ้างไหมว่า ทำไมนับวันรุกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เรามีเฉพาะ พ.ร.บ.สงฆ์ ฉบับเดียว แต่ต่างศาสนาบางศาสนามีหลายฉบับ
อย่างที่เราปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนาตอนนี้ ทั้งเรื่องบัตรสมาร์ทการ์ดพระ ทั้งเรื่องภาษี ถามว่า ตรงนี้ มันจะนำไปสุ่ความมั่นคงพระพุทธศาสนาได้ตรงไหน การปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนา มิใช่ทำอยู่ในกรอบเดิม 6+1 การปฎิรูป มันต้องมีความก้าวหน้า แล้วถามต่อว่า การปฎิรูป 6 ด้านนี้ตรงไหนบ้างที่คณะสงฆ์ปฎิรูปแล้วปกป้องพระพุทธศาสนา ปกป้องภัยที่มาจากด้านนอก
◊ หมายความว่าเจ้าคุณโชว์บอกว่า การปฎิรูปของคณะสงฆ์ตอนนี้มาผิดทาง เพราะไม่ได้ปฎิรูปอะไรเลย เพียงแต่ทำงานอยู่ในกรอบเดิมที่คณะสงฆ์ทำอยู่แล้ว
ถูกต้อง!! ตอนนี้ปฎิรูป แค่ ลูบ ๆ คลำๆ แล้วเหมือนเดิม มันต้องทำให้ครอบวงจร เช่นรัฐบาล เขาปฎิรูป 14 กระทรวง เขาปฎิรูปการเมือง เพราะเขามองว่าการเมืองไม่ดี ระบบราชการไม่ดี เขาก็ปฎิรูประบบราชการ หมายความว่า มิใช่ให้คณะสงฆ์ปฎิรูปเฉพาะคณะสงฆ์ พุทธศาสนาเท่านั้นแล้ว ศาสนาอื่น ๆ ละ ไปถามดูสิว่า เขาปฎิรูปบ้างไหม หรือศาสนาอื่นดีหมด หากรัฐบาลจะคิดปฎิรูปจริง ๆ มันต้องปฎิรูปทุกศาสนา ให้มันเท่ากัน ลองไปตรวจทรัพย์สินผู้นำหรือองค์กรต่างศาสนาบ้างสิ ทำไมรัฐบาลไม่ทำ มาทำเฉพาะกับพระสงฆ์ แล้วแบบนี้คณะปฎิรูปลองไปเสนอรัฐบาลบ้างสิ คือให้ทำเท่าเทียมกันทุกศาสนา อย่าลืมว่าผู้นำศาสนา ตัวแทนศาสนาบางศาสนาก็ได้เงินเดือนเหมือนพระ จะมากจะน้อยอะไรก็แล้วแต่ ทำไม ต้องมาเจาะจงแต่พระ ลองใครไปเขียนไปพูดแบบนี้ทางสื่อบ้างสิ ถูกตัด ถูกขู่ หรือไม่ก็อ้างว่า พูดทำให้สังคมแตกแยก พวกชาวพุทธโลกสวยลองคิดดู เกิดวันหนึ่งเขาออกกฎหมายให้ทรัพย์สินศาสนสมบัติกลาง ทรัพยิ์สินวัดไปขึ้นกับสำนักนายก บรรดาพระราชาคณะไปค้าน ไปพูดเขาจะฟังไหมแบบนี้
◊ กลับมาที่มหาเถรสมาคม ตอนนี้ทานก็ตั้งคณะกรรมการปฎิรูปมา 6 ด้านบวก 1 คือพัฒนาพุทธมณฑลด้วย อาจารย์อยากเห็นอะไร
คือ มันต้องปฎิรูประบบปกครองแบบแท้จริง มันต้องปฎิรูปการเผยแผ่ ใครเทศน์ผิดจากพระธรรมวินัย ต้องจัดการ คล้าย ๆ กับว่า คณะสงฆ์ต้องมี กบว.พระ (คณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์) เอาไว้ตรวจสอบคำสั่งสอน คำเทศน์ของพระที่ผิดจากพระธรรมวินัย คนที่เขียนหนังสือแล้วขาย อันนี้ด่าพระพุทธเจ้าก็มี ตอนนี้มีใครไปตรวจสอบบ้าง
◊ เกิดเขาบอกว่า งั้นตรวจสอบเล่นเจ้าคุณโชว์รูปแรก เพราะเจ้าคุณโชว์พูดจาแรง พูดจาหยาบคาย ไม่สำรวม
แรงก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไปผิดอะไร แรงของอาตมาเพื่อกระตุ้น กระเทาะให้คนทำงาน ไม่ได้หมายความว่าไปด่าพ่อแม่ของคุณ มันมีชาวพุทธกลุ่มหนึ่งประเภทโลกสวย คือ มองว่าพระห้ามยุ่งการเมือง ถามว่า ที่ผ่านมาพวกโลกสวยนี้ปกป้องพระพุทธศาสนาได้หรือไม่
◊ มาที่ตัวเจ้าคุณโชว์บ้าง เมื่อปลายปีที่แล้วไม่สบาย คนที่ชอบก็เป็นห่วง คนที่ไม่ชอบก็สาบแช่งให้ตายไปเลย เครียดไหมตอนนั้น
คือ การฉัน การกินของเราอาจจะสะสม มันหายใจไม่ออก ตอนตรวจไม่ได้หมายความว่าต้องผ่าตัดบายพาสหัวใจเลย คือ หมอเจอเส้นเลือดหัวใจอุดตัน 3 เส้น หมอโรงพยาบาลที่เข้าประจำแนะนำว่าต้องฉีดยาหรือกินยาสะลายลิ่มเลือด ไม่ถึงกับต้องบอลลูนหรือบายพาส แต่เมื่อขึ้นไปอีกแห่งจับผ่าตัดเลย คือ ทุกวันนี้มันเป็นธุรกิจสุขภาพไปหมดแล้ว แล้วเมื่อไปเนื่องจากเราเป็นบุคคลสาธารณะ ญาติโยมที่ไปเยี่ยมที่ไปเยี่ยมมีจำนวนมาก ก็โพสลงเฟช ลงสื่อออนไลน์สนุกเลย
“คือญาติโยมมี 2 แบบ พวกหนึ่ง ไปด้วยความเป็นห่วง อวยพรให้เจ้าคุณโชว์หายไวไว แต่อีกกลุ่มหนึ่งก็บอกว่า ขอให้เจ้าคุณโชว์มันตายไว ๆ คือมันมีทั้งพวกปรารถนาดีและประสงค์ร้าย คนไม่ต้องการให้เราฟื้นก็มี.”
◊ คดีที่ถูกฟ้อง ตอนนี้เหลืออยู่อีกกี่คดี และใครเป็นคนฟ้อง
คดีจบหมดแล้ว เริ่มตั้งแต่ผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี จบแล้ว กับคุณทองก้อน วงศ์สมุทร ก็จบแล้ว กับธรรมกายก็จบแล้ว คืออาจารย์เราท่านหนึ่งเขียนให้วัดพระธรรมกาย แล้วไปแจกทั่วประเทศว่า เจ้าคุณโชว์ด่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ฯ ด่าสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ตอนนี้คดีก็จบแล้ว ล่าสุดกับหลวงปู่พุทธอิสระ 3 คดี ก็จบแล้ว
บางคดีมีพระผู้ใหญ่เรียกร้องให้ถอนฟ้อง และช่วงที่เจ้าหน้าที่จับกุมพระผู้ใหญ่ก็มีเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยความมั่นคงมาเยี่ยมที่กุฎิ 5 ครั้ง เพราะกลัวเราจะเคลื่อนไหว
◊ ตอนนี้กับการเมือง นักการเมือง อาจารย์ยังเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่อีกไหม
อาตมาไม่ยุ่งแล้ว สมัยก่อนก็ไม่ได้ยุ่งอะไรมากมายนะ แค่ไปจัดรายการทางทีวีเสื้อแดง คนก็โจมตีว่าเป็นพระเสื้อแดง เป็นพวกคุณทักษิณ
◊ เคยเจอและเคยคุยกับคุณทักษิณ ชินวัตรไหม
เจอ มีรูปด้วยกันก็มี เจอที่ประเทศเดนมาร์ก เจอกันครั้งแรก ไม่เคยเห็นหน้ากัน แกเจอก็ทักว่า โอ้! เจอพระชื่อดัง และเจอกันก็ไม่เคยพูดกันเมืองกัน
◊ ในฐานะเจ้าคุณโชว์ มีประสบการณ์ทางการเมือง การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้ แน่นอนธรรมชาติ นักการเมืองจะเข้าหาพระสงฆ์ โดยไม่สนใจมติมหาเถรสมาคมที่ห้ามให้นักการเมืองจัดกิจกรรมหรือหาเสียงในวัด
คือ พระพุทธเจ้า กับพระเจ้าอโศกมหาราช นี่ คือ นักการเมือง เราจะไปบอกว่าเราคือคณะสงฆ์จะไม่ให้เกี่ยวข้องกับนักการเมืองนี้ มันไม่ใช่ หรือ พระเจ้าจัณฑปัชโชติ ในสมัยพุทธกาลก็นักการเมือง พระพุทธเจ้าก็ใช้พระเจ้าจัณฑปัชโชติ เพื่อสอนธรรมะให้กับประชาชน ง่าย ๆ พระพุทธเจ้ากับการเมือง พระพุทธเจ้ากับนักการเมือง คือ เป็นอันเดียวกัน
พระพุทธศาสนาในประเทศไทยเราอยู่กับการเมืองตลอด ถามว่าการปกครองคณะสงฆ์ใช้กฎหมายไหม กฎหมายคือ เครืองมือทางการเมือง ชีวิตพระตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ มันเกี่ยวข้องกับกฎหมายหมด ถามแล้วพระสงฆ์เราไปอยู่เหนือการเมืองตรงไหน
◊ เจ้าคุณโชว์มองการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ตลอด 5 ปี เป็นอย่างไร
อึดอัดทุกรัฐบาล คือเข้ามาแล้วไม่รู้จักธรรมเนียมปฎิบัติการการทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา เป็นมาตั้งแต่สมัยคุณทักษิณ ชินวัตร จนถึงพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา
◊ บางรัฐบาล เขาก็ดูแลคณะสงฆ์ ดีไม่ใช่หรือ
อย่างจัดงานสนามหลวงเราจัดทุกปี สมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ให้งบมาจัด 3 ล้านบาท นอกนั้นไม่มีเลย และตอนนี้เจ้าภาพหลักก็ไม่ใช่รัฐบาลแล้ว เป็นแค่ผู้ว่า กทม. บทบาทของชาวพุทธน้อยลงทุกวัน จัดงานวิสาขบูชามาตั้งแต่ปี 2527 ก็ยังไม่เคยได้รับการสนับสนุนเต็มรูปแบบ ตอนนี้ลดไปเรื่อย ๆ
◊ คือเราก็มองในแง่ดี ว่ารัฐบาลชุดนี้เขาก็พยายามแก้ไขปัญหาที่คณะสงฆ์เองต้องยอมรับว่า มันมีคนอาศัยผ้าเหลืองหากินอยู่
ไม่ใช่เลย ทำไมต้องมาทำเฉพาะคณะสงฆ์ ศาสนาอื่นทำไมไม่ทำ และมองดูแล้ว การที่มาตรวจทรัพย์สินวัด ทรัพย์สินกลางนี้ อนาคตมันอาจจะออกกฎหมายเพื่อจะไปกองอยู่ส่วนกลางหมด
◊ รัฐบาลท่านก็เจตนาดี ให้คณะสงฆ์ปฎิรูปกันเอง
คือ ให้ปฎิรูปกันเองก็จริง แต่ให้อยุ่ภายใต้กรอบ 6 กรอบที่ว่าไง แต่หากจะว่าไปแล้วมหาเถรสมาคม คณะสงฆ์เองก็ไม่เคยมีแผนปฎิรูป ไม่มีแผนทำงาน อย่างมหาจุฬา ฯ ตอนนี้เรามีแผน 7 แม้แต่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเอง เคยมีแผน มียุทธศาสตร์พัฒนาพระพุทธศาสนาไหม ก็ไม่มี อย่างเช่น ศาสนาพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ธนาคารพุทธ ทำไมไม่ทำ
◊ เจ้าคุณโชว์เคยคุยเรื่องการปฎิรูปพระพุทธศาสนากับคณะกรรมการปฎิรูปเขาไหม
ก็วันก่อนก็ซัดกับเจ้าคุณราชวรมุนี (กรรมการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนา) รวมทั้งเจ้าคุณเมธีธรรมาจารย์ (รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มจร) ก็บอกว่าทำไมต้องทำแค่ 6 กรอบนี้ ทำไมไม่ออกกฎหมายที่มันปกป้องพระพุทธศาสนาบ้าง ทำไมหยุดอยู่แค่ 6 กรอบ เราจะออกแบบ 12 กรอบก็ได้ การปฎิรูปพระพุทธศาสนาที่เป็นเชิงรุกไม่มีเลย มีแต่งาน routine คืองานประจำที่คณะสงฆ์ทำอยู่แล้ว และการประชุมมหาเถรสมาคมเดียวนี้ก็ไม่มีอะไร มีแต่ยกวัดร้างเป็นวัด ยกวัดราษฎร์เป็นวัดหลวง แต่งตั้งเจ้าอาวาสมีแค่นี้ ตัวที่จะปกป้องกันพระพุทธศาสนาไม่มีเลย เวลาคนเขาจะมาด่าพระ ใครจับ ตำรวจพระทำได้ไหม่ ไม่ได้
◊ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆนี้อาจารย์อยากฝากอะไรถึงพรรคการเมือง คือ หากอยากได้คะแนนจากชาวพุทธ คุณต้องทำแบบนี้ ต้องมีนโยบายอย่างไร
คือพรรคการเมือง เอาแค่ความยุติธรรมนี่ก็พอใจละ เพราะหากจะฝากนโยบาย เช่น ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ธนาคารพุทธดูแล้วไม่มีพรรคไหนมีน้ำยา ลองดูไปดูสิว่า ตอนนี้ทำเนียบรัฐบาล ถนนราชดำเนิน รัฐสภา เวลากรุงเทพมหานครจัดแสงสี เหมือนหรือคล้ายกับอะไร เขามาไกลแล้ว เขารุกมาไกลแล้ว เบื้องต้นเราต้องการแค่ความชอบธรรมทางกฎหมาย กฎหมายต้องเป็นกฎหมายและชอบธรรม มิใช่กฎหมายไม่มี “ย” แบบนี้เขาไม่มีเรียกฎหมาย กัดกันเหมือนหมา แค่ปลดล๊อควันเดียวก็กัดกันแล้ว
แม้แต่พรรรคที่อ้างว่าเป็นชาวพุทธ 3 -4 พรรคนี่ถามว่า คุณเอากระเป๋าสตางค์มาจากไหนมาใช้เลือกตั้ง แล้วเมื่อเข้าไปยังรัฐสภาแล้วคุณกล้าอภิปรายเรื่องงบประมาณเพื่อชาวพุทธไหม กล้าจะเบี้ยวหรือโกงแบบเขาไหม เพื่อเอาเงินเหล่านี้มาให้ชาวพุทธ เพื่อสร้างศาสนสถาน เพราะที่ผ่านมาเวลาอภิปรายงบประมาณ ล๊อบบี่งบประมาณเขาโยกย้ายถ่ายเทเป็นร้อย ๆ ล้านบาท จะไปรักษาศีลอยู่ในรัฐสภาไม่ได้ เงินอยุ่ที่ไหน ไม่ใช่อยู่ที่ หนึ่ง ก็คุณหญิง สปอง สองก็ นพ.รัศมี วนอยู่แบบนี้ จะไปขอวัดสนับสนุนพรรคตามวัดไร่ขิง ตามวัดยโสธร เดียวนี้ไม่มีแล้ว
เพราะฉะนั้น พรรคการเมืองในอนาคตที่อยากเห็นคือ กฎหมายเป็นกฎหมาย ยึดความถูกต้อง แล้วก็อยากเห็นความความเที่ยงธรรมของทั้ง 5 ศาสนา อย่าเลือกปฎิบัติ ปฎิรูปก็ต้องปฎิรูปทุกศาสนา อย่าเลือกเฉพาะแค่พุทธศาสนา เหมือนแดงกับเหลือง กฎหมายมันต้องปฎิบัติเหมือนกัน ทำนองเดียวกันเมื่อคุณจะตรวจสอบบัญชีวัด บัญชีพระ คุณต้องตรวสสอบศาสนาอื่น ๆ ด้วย การจะสนับสนุนงบประมาณ ก็ต้องวัดกันด้วยจำนวนศาสนิกคิดเป็นเปอร์เซ็นต์
และการปฎิรูปพระพุทธศาสนาก็อยากเห็นการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง แล้วก็ทำให้มันได้ประโยชน์จริง ๆ เพราะคิดว่าการปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนาแบบที่ผ่านมา ไม่เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ และที่สำคัญตอนนี้ลองไปดูสิว่า ที่ปฎิรูปมา 5 ปี ทั้ง กกต. ปปช. หรือระบบราชการอื่น มีอะไรดีขึ้นบ้าง ที่เรียกว่าปฎิรูป เพราะดูแล้วความขัดแย้งเหมือนเดิม
◊ สุดท้าย..หลังเลือกตั้งอาจารย์ว่าจะเลิกทะเลาะกันไหม
ทะเลาะแน่ แล้วทหารก็จะเข้ามาเหมือนเดิม จะกลับไปสู่วงจรอุบาทว์เหมือนเดิม ทหารก็ต้องเข้ามา เพราะไม่อย่างนั้นคนไทยก็ฆ่ากัน และสุดท้ายทหารก็จะเข้ามา ทหารและกลุ่มทุนที่สนับสนุนทหารก็จะได้ประโยชน์เหมือนเดิม ทหารแบกเป้กลับบ้าน ตรวจสอบไม่ได้ เพราะกฎหมายห้ามตรวสอบ ความจริงทหารต้องปฎิวัติรัฐประหารเพื่อแก้ปัญหา คนในชาติทะเลาะกัน มิใช่เพื่อจะแบกเป้กลับบ้าน จะตรวจตรวจสอบก็ตรวจสอบไม่ได้ แต่นี้มาตรวจสอบแต่บัญชีพระ บังสุกุลครั้งหนึ่งไม่กี่ร้อยบาท พระมีเงินสักกี่บาทกันเชียว..
***************************
.
Leave a Reply