วันที่ 15 กันยายน 2562 พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส รศ.ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติและผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า วันนี้(15ก.ย.) ที่วัดท่าคอยนาง ต.สวาย อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ พุทธศาสนิกชนทั้งตำบลสวายและตำบลตูม นำโดยพระครูวรรณสารโสภณ รองเจ้าคณะอำเภอปรางค์กู่ ร่วมกับพระครูวิมลพุทธิศาสน์ เจ้าอาวาสวัดบ้านสวาย ประธานฝ่ายสงฆ์ และนายสุภาพ สุธาอรรถ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสวาย ประธานฝ่ายคฤหัสถ์ พร้อมทั้งพุทธศาสนิกชนร่วม 900 รูป/คน ได้ผนึกกำลังจัดพิธีทำบุญมหาสังฆทาน
คณะสงฆ์และผู้นำชุมชนได้ประกอบพิธีทำบุญมหาสังฆทานขึ้นมาเพื่อการกระตุ้นให้กลุ่มคนในชุมชนได้ยกระดับบุญร่วม หรือ Common Merit เพื่อร่วมกันสร้างบุญสามัคคีขึ้นระหว่างพุทธศาสนิกชนทั้งสองตำบล รวมไปถึงการใช้โอกาสดังกล่าวน้อมนำให้ได้กุศลร่วมโดยการรับฟังพระธรรมเทศนา เพื่อประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและอยู่ร่วมกันในชุมชนช่อสะอาด
“การยกระดับบุญสามัคคีในรูปแบบมหาสังฆทาน จึงเป็นการดึงพลังของกลุ่มชนในหมู่บ้านต่างๆ ให้ออกมาทำกิจกรรมร่วมกัน โดยการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ไปตามวัดที่อยู่ในหมู่บ้านต่างๆ เราจึงเห็นการมีส่วนร่วมของกลุ่มชนในทุกชนชั้น ทุกอาชีพ และทุกช่วงวัย ที่ได้นำอาหารมาทำบุญตักบาตร และแบ่งปันอาหารการกินอย่างมีความสุขระหว่างพี่น้องที่มาจากชุมชนชาติพันธุ์ลาว กูย และเขมร”พระมหาหรรษา กล่าวและว่า
พระพุทธศาสนาในระดับฐานรากของชุมชนยังคงมีพลังอย่างแรงกล้าในการเชื่อมสมานและดึงกลุ่มคนออกมาทำกิจกรรมร่วมกัน วัดจึงมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมบ้านและราชการเข้าด้วยกัน บทบาทนี้จะยังคงมีความหมายในการสร้างชุมชนสันติสุข เพียงแต่ว่าผู้นำชุมชนจะดึงเอาพลังเหล่านี้ออกมาใช้ประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใด
พระมหาหรรษา กล่าวด้วยว่า ทุกเรื่องราวในสังคมและประเทศชาติเผยตัวตนออกมาจากชุมชนฐานรากเสมอ การศึกษาวิจัยและพัฒนาในประเด็น Community Based ที่เน้นชุมชนเป็นฐาน จึงเป็นการกระตุ้นให้ชุมชนระเบิดพลังหรือจุดแข็งของชุมชนออกมาจากภายในตัวเอง เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ แนวทางการพัฒนาแบบนี้จึงยั่งยืนกว่าการแจกเงินให้ประชาชนไปเที่ยวที่รังแต่จะทำให้ชุมชนงอมืองอเท้าและอ่อนแอจนต้องพึ่งรัฐในทุกเรื่อง
Leave a Reply