“ธนกร” ขึ้นธรรมมาสน์เทศน์”ช่อ” ใช้ส่วนไหนคิด ให้คะแนนชิมช้อปใช้แค่ 2 จากคะแนนเต็ม 100 จวกมีโทสาคติเกินไป ลั่นประชาชนตอบรับล้นหลามและเรียกร้องให้เปิดเฟส 2 มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินหมุนเวียนกว่า7หมื่นล้าน
วันที่ 3 ต.ค.2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้คะแนน 2 คะแนนจากคะแนนเต็ม100 ต่อมาตรการชิม ช้อป ใช้ และเชื่อว่าไม่กระตุ้นเศรษฐกิจว่า ตนรู้สึกผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับพฤติกรรมของโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงมีโทสาคติ พูดไปเรื่อย ไม่ทราบว่าใช้ส่วนไหนคิด วันๆ ทำแต่เรื่องให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัย ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน สงสัยว่าถ้าเป็นเรื่องจ้างล็อบบี้ยิสต์คงจะได้คะแนนเต็ม 100
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ประชาชนได้ประโยชน์ออกมาใช้จ่ายกันอย่างคึกคักจนมีการเรียกร้องให้เปิดเฟส 2 ด้วยซ้ำ ทั้งนี้ ในช่วง 10 วันแรกมีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” เต็มตามเป้าหมาย 1 ล้านรายทุกวัน หากประชาชนใช้สิทธิ์ครบทั้ง 2 กระเป๋า จะเกิดผลต่อเศรษฐกิจดังนี้ กระเป๋า 1 วงเงิน 1,000 บาทแรก เพื่อดึงคนออกจากบ้าน ในส่วนนี้ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 10,000 ล้านบาท และกระเป๋า 2 เมื่อมีการเดินทางก็จะเกิดการใช้จ่าย ซึ่งหากประชาชนใช้สิทธิ์ตามที่คาดการณ์ จะก่อให้เกิดวงเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจอีกกว่า 70,000 ล้านบาท จากวงเงินงบประมาณ 9,000 ล้านบาท เป้าหมายของโครงการนี้คือ กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และเน้นไปที่เศรษฐกิจฐานราก เมื่อพ่อค้าแม่ค้าได้รับเงินก็จะนำไปซื้อวัตถุดิบส่วนหนึ่งด้วย
นายธนกร กล่าวอีกว่า ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเงินหมุนไปเป็นค่าแรงคนงาน ดังนั้น จึงเกิดการกระตุ้นการบริโภค ก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนและส่งผลด้านจิตวิทยา เกิดความคึกคักในการจับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายจะเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน “ช้อป” ซึ่งเป็นร้านในกลุ่ม OTOP ร้านวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐเกินครึ่ง สะท้อนการกระจายเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจฐานราก มีการใช้จ่ายทั้ง 77 จังหวัด แสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายดังกล่าวกระจายไปยังทุกจังหวัด โดยเฉพาะร้านค้าท้องถิ่น ไม่มีการเอื้อนายทุน มีการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขาเพียงร้อยละ 22 ของทั้งหมด โครงการ “ชิม ช้อป ใช้” สนับสนุนยุทธศาสตร์ National e-Payment ใน scale ที่ใหญ่มาก เป็นการเพิ่มจำนวนผู้ใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในครั้งเดียวกว่า 10 ล้านรายเป็นครั้งแรกในประเทศไทยอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำว่า “โทสาคติ” เป็นหนึ่งในอคติ 4 ตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ซึ่งอคติ หมายถึง วิถีในทางที่ผิดหรือการดำเนินไปในทางที่ผิด ทั้งนี้ อันเกิดจากทัศนะหรือความคิดเห็นในทางที่ผิด ซึ่งต่อมาจึงใช้คำให้เข้าใจง่ายเป็น ความลำเอียง หรือ ความไม่เที่ยงธรรม ประกอบด้วย 4 ประการ คือ
1. ฉันทาคติ คือ ความลำเอียงเพราะชอบพอ 2. โทสาคติ คือ ความลำเอียงเพราะโกรธหรือชิงชัง 3. โมหาคติ คือ ความลำเอียงเพราะหลง หรือ ความลำเอียงเพราะความเขลา 4. ภยาคติ คือ ความลำเอียงเพราะกลัว นั่นก็แสดงว่า หาก น.ส.พรรณิการ์ มีโทสาคติจริงตามที่นายธนกรจระบุก็แสดงว่าน.ส.พรรณิการ์มีความลำเอียงเพราะโกรธหรือชิงชังต่อมาตรการชิม ช้อป ใช้จึงให้คะแนนดังกล่าว
ทั้งนี้การที่จะแก้โทสาคติได้นั้นต้องใช้เมตตาธรรมในพรหมวิหาร 4 คือ คือ ธรรมครองใจ 4 ประการ ที่ทำให้บุคคลในสังคมพึงประพฤติปฏิบัติในทางอันประเสริญทั้งต่อตน และผู้อื่น ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ คือ 1. เมตตา หมายถึง ความประสงค์ที่จะให้ผู้อื่นมีความสุข 2. กรุณา หมายถึง ความประสงค์ที่จะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
3. มุทิตา หมายถึง ความยินดีสรรเสริญในความสุขที่ผู้อื่นได้รับ 4. อุเบกขา หมายถึง ความวางใจเป็นกลางต่อความสุข และความทุกข์ที่มีต่อตน และผู้อื่นได้รับ
Leave a Reply