วันที่ 11 มกราคม 2564 เวลา 07.00 น. คณะสงฆ์วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และคณะศิษยานุศิษย์ฯ นำโดยพระเทพรัตนมุนี ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส เป็นประธานสงฆ์ ในพิธีบำเพ็ญกุศล อุทิศถวาย เนื่องในวันครบรอบ 93 ปี ชาตกาลสมเด็จประพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อดีตเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก อดีตประธานสมัชชามหาคณิสสร อดีตประธานสำนักงานกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ
พร้อมกันนี้ได้คณะศิษยานุศิษย์ได้น้อมรำลึกบูชาธรรมในเจ้าประคุณสมเด็จผ่านสื่อออนไลน์อย่างเช่น
เพจคติธรรม วาทะธรรม พระพรหมบัณฑิต ได้โพสต์ภาพข้อความว่า “วันที่ ๑๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ น้อมรำลึกในโอกาสครบ ๙๓ ปี ชาตกาล เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร ป.ธ.๙) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อดีตประธานกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อดีตประธานสมัชชามหาคณิสสร น้อมรำลึกบูชาธรรมในเจ้าคุณสมเด็จฯ คติธรรมวาทะธรรมพระพรหมบัณฑิต”
พระวิเทศปุญญาภรณ์,ดร. เจ้าอาวาสวัดพุทธาราม ประเทศสวีเดน เปิดเผยว่า ภาพแห่งความทรงจำกี่วัน กี่เดือน กี่ปียิ่งเตือนและยิ่งเห็นชัดกับสัจธรรมคำสอนที่หลวงพ่อเจ้าประคุณสมเด็จ เมตตา มอบแสงสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม ขอน้อมรำลึกบูชาคุณธรรมของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ)
พร้อมได้ยกโอวาทเจ้าประคุณสมเด็จฯได้ประทานแก่พระธรรมทูตอาสา ว่า “หากไม่มีพระสงฆ์ ในพื้นที่ ชาวพุทธก็หมดที่พึ่ง …ก็ชื่อว่า พระพุทธศาสนาได้หมดไปแล้ว ขอให้ทุกองค์หนักแน่น มั่นคง อยู่เป็นกำลังใจให้ชาวพุทธ ถึงแม้วันหนึ่งวันใดข้างหน้า พระพุทธศาสนาจะหมดไปจาก ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ขอให้วันนั้น มีพระสงฆ์เดินออกจากพื้นที่เป็นคนสุดท้าย”
นับเป็นแสงแห่งจิตวิญญาณความมั่นคงพระพุทธศาสนา แสงสุดท้าย ที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณความรักในพระพุทธศาสนา ผ่านพระธรรมทูตอาสา อันเป็นอมตะวาจาที่จะตรึงใจเหล่าพุทธบุตร ผู้ทำหน้าที่พระธรรมทูตอาสา ไปตราบนานเท่านาน ความสำเร็จของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศทั่วโลก จนพระพุทธศาสนาเบ่งบานกลางหิมะในโลกตะวันตกอย่างแข็งแกร่ง เกิดจากการวางรากฐานที่สำคัญของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ผู้ริเริ่มการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลก ริเริ่มการสร้างวัดไทยในต่างประเทศ และริเริ่มให้มีการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปประจำ ณ วัดไทยในต่างประเทศ
เป็นเหตุให้พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นพระธรรมทูตได้ยึดเป็นแนวทางอันเดียวกัน เป็นที่มาแห่งความสำเร็จของงานพระศาสนาในต่างประเทศ นับได้ว่า เจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้เปิดวิสัยทัศน์ธรรมสู่วิสัยทัศน์โลก ทำให้พระพุทธศาสนาแผ่ไพศาลไป เป็นที่พักพิงทางด้านจิตใจแก่ชาวไทย และประชาชนในต่างประเทศทั่วโลก เรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้ จะถูกจดจำ เล่าขานถ่ายทอดสืบต่อกัน จนกลายเป็นตำนาน จากตำนานกลายเป็นประวัติศาสตร์ จากประวัติศาสตร์กลายเป็นความทรงจำของโลก ที่สุดแล้ว นามของพระมหาเถระท่านนี้ ก็จะถูกจารึกบนหน้าประวัติศาสตร์แห่งความทรงจำของโลก ในนามผู้นำพระพุทธศาสนาไปประดิษฐานยังแผ่นดินตะวันตกอันไกลโพ้น ตลอดไป
เฟซบุ๊ก”Sakon Nakhon” ได้โพสต์ข้อความว่า 11 มกราคม วันชาตกาลสมเด็จพระอุปัชฌาย์ เมื่อแอดมินได้เข้ากราบลาเจ้าประคุณสมเด็จพระอุปัชฌาย์ เพื่อกลับคืนปฏิบัติศาสนกิจ ณ ดินแดนถิ่นมาตุภูมิจังหวัดสกลนครนั้น
สมเด็จฯได้ให้ข้อคิดในการปฏิบัติตนหลายๆอย่าง ตามที่ได้มองศิษย์แต่ละคนด้วยความลุ่มลึกให้สอดคล้องเหมาะสมกับจริตของศิษย์แต่ละคนที่แตกต่าง
นอกจากได้มอบแนวทางการวางตนแล้ว ยังมอบสิ่งของเป็นที่ระลึกหลายๆอย่างเพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจแก่ศิษย์
แนวคิดที่สำคัญที่สุดที่แอดมินให้ความสำคัญยิ่งนั้นคือ
“ให้ทันต่อสังคม มองสังคมอย่างเข้าใจและทำงานกับสังคมให้ยึดหลักการ อย่าทำอะไรโดยเห็นแก่จะได้”
ปฏิบัติศาสนกิจและถวายกุศลแก่สมเด็จพระอุปัชฌาย์เป็นกิจวัตรทุกวันตามแนวทางที่ปฏิบัติอย่างเรียบง่ายเป็นแบบอย่างนั้น
Leave a Reply