ตามไปดู “ศูนย์เรียนรู้โคกหินแห่” แห่ง “เมืองหนองหารหลวง” ถิ่นมั่นในพุทธธรรม “จังหวัดสกลนคร” ในอดีตคือเมืองหนองหารหลวง แห่งอาณาจักรขอมโบราณมีประวัติศาสตร์มายาวนาน ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยมีการขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์บริเวณแนวทิวเขาภูพาน อำเภอวาริชภูมิ ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ ในยุคสงครามเย็น “เทือกเขาภูพาน” คือ สมรภูมิการสู้รบระหว่างคนไทยด้วยกันเอง จนเป็นที่มาของเพลง “ภูพานปฏิวัติ” เป็นบทเพลงปฏิวัติที่ถูกแต่งขึ้นโดย “จิตร ภูมิศักดิ์” หรือแม้กระทั่งยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เทือกเขาภูพานก็เคยเป็นแหล่งสะสมอาวุธใช้สำหรับต่อต้านกองทัพทหารญี่ปุ่นอันเนื่องมาจากขบวนการเสรีไทย ในอำเภอวาริชภูมิในปัจจุบัน ยังมี ‘ถ้ำเสรีไทย’ กลายเป็นสถานที่รำลึกทางประวัติศาสตร์ในขณะที่จังหวัดสกลนครเองก็ถือว่าเป็นดินแดนแห่งธรรม มีปูชนียสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาหลายแห่ง เช่น พระธาตุเชิงชุม พระธาตุดูม และมีพระเกจิอาจารย์ดังที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ อาทิ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, และหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี เป็นต้น จังหวัดสกลนครอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 647 กิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 18 อำเภอ ปัจจุบันเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญในแถบภาคอิสาน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงภูมิศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมภูไท อิสานล้านช้างและภูมิประเทศที่สวยงาม “ทีมข่าวเฉพาะกิจ” ขับรถชมบรรยากาศสองข้างทางในช่วงฤดูฝนซึ่งตามท้องทุ่งมีชาวนากำลังไถนา ถอนกล้า หว่านข้าวกันแล้ว สังเกตในภาคอีสานตามทุ่งนาเกษตรกรไม่นิยมโค่นต้นไม้เหมือนภาคกลางที่นิยมให้ทุ่งนาโล่ง หากจะมีบ้างก็คือ ต้นตาล ภาคอีสานชาวนาปล่อยให้ต้นไม้ปกคลุมต้นข้าวได้อย่างเต็มที่ ถามพระภิกษุและชาวบ้านตอบตรงกันว่า “เสียดาย” ต้นไม้ แต่ในใจเรา คิดเองว่า อาจเป็นเพราะภาคอีสานมีภูเขาน้อย อาจเป็นไปได้ว่าต้องการ “บังลม” ที่พัดแรงกว่าภาคกลางหรือภาคเหนือ เนื่องจากไม่มีภูเขาบดบัง ผ่านเทือกเขาภูพานเห็นป้าย “ผาเสวย” ด้วยความอยากรู้จึงลงไปดู จึงรู้ว่า ณ ที่แห่งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 และสมเด็จพระพันปี ทั้งสองพระองค์เคยเสด็จเยี่ยมประชาชนในปี 2497 โดยทางรถยนต์ และได้พักเสวยพระกระยาหารกลางวัน ณ ที่นี่ เพื่อรำลึกถึงพระองค์ ภาครัฐและประชาชนจึงได้ตั้งชื่อว่า “ผาเสวย” ผาแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อจังหวัดสกลนครและจังหวัดกาฬสินธุ์ ขับรถผ่าน “เทือกเขาภูพาน” ป่าไม้อุดมสมบูรณ์สองข้างทางหน่วยงานภาครัฐเตือนระวังช้างป่าและ “ห้ามให้อาหารลิง” เป็นระยะ ถนนยามฤดูฝนแบบนี้สวยงามผ่านโค้งหักศอกหลายช่วงทางก่อนจะถึงที่ตั้งบ้านเรือนชุมชนถนนเส้นทางไกลลิบตา บรรยากาศสมกับเป็นเมืองแห่ง “พระอรหันต์” ก่อนเข้าตัวเมืองจังหวัดสกลนครผ่าน “พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์จังหวัดสกลนคร” เป็นพระตำหนักที่สร้างขึ้นในบริเวณเทือกเขาภูพาน ใน พ.ศ. 2518 โดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นผู้ทรงเลือกพื้นที่สร้างพระตำหนักด้วยพระองค์เอง ทรงใช้แผนที่ทางอากาศและการเสด็จสำรวจเส้นทางบริเวณ ป่าเขา น้ำตก เป็นปัจจัยในการกำหนดเขตพื้นที่ก่อสร้างพระตำหนักและบริเวณพระตำหนักซึ่งประกอบด้วยเขตพระราชฐานชั้นในและเขตพระราชฐานชั้นนอก หากจะว่าไปแล้วเป้าหมายการลงพื้นที่เพื่อติดตามผลสำเร็จในการทำโครงการโคก หนอง นา จังหวัดสกลนครครั้งนี้มิใช่ครั้งแรกของเรา เมื่อปีที่ผ่านมาเคยเดินทางมาแล้วรอบหนึ่งได้พบกับนักปราชญ์ชุมชน นักธุรกิจ เกษตรกรรุ่นใหม่ รวมทั้งเกษตรกรทั่วไป คราวนี้เช่นกัน “ปลัดเก่ง” สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ชี้พิกัดการลงพื้นที่ให้ไปพูดคุยกับ “นักธุรกิจจิตอาสา” คือ “บัญชา ราษีมิน – กาญจนี ละศรีจันทร์” สองสามีภรรยา ซึ่งทั้งสองคนเป็นสามีภรรยานักธุรกิจโรงงานเย็บผ้า หันมาทำโคกหนองนา เพราะใจรักและอยากทำเป็นตัวอย่างให้กับชุมชน ณ บ้านเจริญศิลป์ หมู่ 1 ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จ.สกลนคร และทั้งสองยังตั้งทีม “ครูพาทำ” เดินสายอบรมให้ความรู้ “ศาสตร์ของพระราชา” รูปแบบการทำโคก หนอง นา ให้ประสบความสำเร็จภายใต้สโลแกน “คิดถึง น้อมนำ ทำตาม” โดยใช้ “ศูนย์เรียนรู้โคกหินแห่” จังหวัดสกลนครเป็น “ต้นแบบ” “ทีมข่าวเฉพาะกิจ” ได้รับการอำนวยความสะดวกจากพัฒนาการจังหวัดสกลนครโดยมี “พี่กบ” พัฒนาการอำเภอกุดบากและ “กำนันม่อน” หรือ “บัญชา ราษีมิน – กาญจนี ละศรีจันทร์” ทั้งที่พักและอาหารการเป็นอยู่ พร้อมกับพาไปดูพื้นที่ศูนย์เรียนรู้โคกหินแห่ ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วยังเป็นทุ่งนาแห้งแล้ง มีแต่ “ก้อนกรวดหิน” ปัจจุบันกลายเป็น “ป่าผสมผสาน” ตามหลักป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง บนเนื้อที่ 28 ไร่ ในขณะที่ “กาญจนี ละศรีจันทร์” มีพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งเข้าร่วมโครงการโคกหนองนาของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ไว้จำนวน 3 ไร่ มีการแบ่งสัดส่วนตามศาสตร์ของพระราชาอย่างลงตัว “ทีมงาน” เคยร่วมเดินทางกับ “ปลัดเก่ง” ตอนที่มาเอา “มื้อสามัคคี” เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนี้กลายสภาพเป็นสวนผสมผสาน “ร่มรื่น” สมกับเป็นแปลงโคก หนอง นา “ต้นแบบ” ของครูพาทำ ยิ่งนัก “ทีมข่าวเฉพาะกิจ” เมื่อถึงศูนย์เรียนรู้โคกหินแห่เดินดูทั่วรอบบริเวณนั่งจับเข่าคุยกับ “บัญชา ราษีมิน – กาญจนี ละศรีจันทร์” สองสามีภรรยา สังเกตเห็นทั้งคู่ใส่เสื้อสีเหลืองมีข้อความว่า “คิดถึง น้อมนำ ทำตาม” จึงถามเป็นคำถามแรกว่าหมายถึงอะไร “บัญชา” ตอบว่าคำแรกเลย คิดถึง คือ คิดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงทำอะไรไว้แล้วบ้าง ทฤษฎีใหม่กว่าที่ 40 ทฤษฎีที่ท่านทำไว้ โครงการพระราชดำริ 5,150 โครงการ ที่ท่านทำไว้ให้กับประเทศไทย หลักเศรษฐกิจพอเพียงต้องคิดถึงท่าน ท่านทำไว้ให้เรา เมื่อคิดแล้วก็ต้องน้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้มาปฏิบัติ และทำตามท่าน โคกหนองนานี้คือทฤษฎีใหม่แต่มีคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงมากำกับอีกทีหนึ่ง ต้องนำหลักคิดกับหลักปฏิบัติมาทำควบคู่กัน อันนี้ผมบอกได้เลยว่าไม่รวยหรอกครับแต่จะพบกับความสุขที่แท้จริง “สิ่งที่เห็นวันนี้ ศูนย์เรียนรู้โคกหินแห่ จากทุ่งนา ไร่มันสำปะหลัง ที่แห้งแล้ง ปัจจุบันเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ทั้งใต้ดิน บนดินและไม้เศรษฐกิจ แตกต่างจากเมื่อ 3 ปีที่แล้วคือ หลักการพึ่งพาตนเอง การน้อมนำหลักศาสตร์พระราชามาใช้มันจะต้องพึ่งพาตนเองเป็นหลักให้ได้ เราจะไม่เอาเงินเป็นตัวตั้ง การทำให้พออยู่พอกินพอใช้โดยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เรียกกันว่า”พอร่มเย็น”หลักการ 4 พอเป็นตัวหลักที่นำมาใช้ เมื่อพอเหลือพอกินแล้วก็นำไปทำบุญ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ถ้าเราทำแบบนี้ได้เรียกว่าเป็นหลักการพัฒนาสู่ความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมจะดี พื้นที่ของเรามี 28 ไร่ ถือว่าเป็นพื้นที่ใหญ่มาก แต่เราก็ไม่ได้ใช้แรงงานมากนักปีนึงเราจะใช้ 400 แรงคน หมายความว่าถ้าเราทำ 2 คนสามีภรรยาปีนึง 365 วันก็เท่ากับ 700 แรงแต่ถ้าเราตั้งไว้แค่ 400 แรงก็หมายถึงว่า 2 คนเราก็ยังเหลือเวลาอีก 300 แรงในการที่จะเอาชีวิตไปทำภารกิจอื่นๆ หรือไปช่วยเหลือคนอื่น สิ่งสำคัญคืออย่าลืมพึ่งพาตนเองซึ่งเราจะต้องเรียนรู้เสียก่อน..” ศูนย์เรียนรู้โคกหินแห่ เราทำเป็นโมเดลให้ชาวบ้านและสังคมได้รับทราบและหากจังหวัดไหนผู้ใดอยากจะไปขยายผลต่อ ทางศูนย์ยินดีที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำ การศึกษาถ้าจะดีที่สุดเลยต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ถ้าหากว่าเราเรียนรู้แค่ไปฟังพูดจะไม่ตอบโจทย์ ต้องมาดูที่แปลงจริง “ในแปลงมีพื้นที่ 28 ไร่แบ่งเป็นด้านบน 14 ไร่เป็นโคก เป็นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึงไว้สำหรับปลูกป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่างซึ่งเป็นศาสตร์ของพระราชาเดิมทีสภาพตรงนี้แล้ง ในอดีตตรงนี้ปลูกยูคาลิปตัส แล้วเอายูคาลิปตัสออกปลูกมันสำปะหลังแทนประมาณ 7 ปีดังนั้นสภาพดินเสียหาย เริ่มปรับปรุงดินเมื่อปี 2562ได้ไปเรียนรู้จากหลายๆที่ด้วยความที่พื้นที่ตรงนี้มีขนาดใหญ่การทำด้วยตัวคนเดียวก็ยากต้องอาศัยเครือข่าย เครือข่ายที่ตอบโจทย์ที่ดีที่สุดก็คือ”ครอบครัว” ทั้งภรรยา ลูก พี่น้อง ตรงนี้สำคัญมากหากขาดเสาหลักไปเราทำคนเดียวจะเหนื่อยมาก ต่อมาเราจะต้องได้คนที่มีจิตใจคล้ายกับเราในพื้นที่ช่วยกันสนับสนุน เราจะตั้งทีม”วิทยากร” ที่ท่านปลัดสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ณ ตอนนั้นเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชนได้จัดตั้งทีมวิทยากรจิตอาสาพัฒนาชุมชนขึ้นมา เราอยู่ในทีมนี้ด้วย ซึ่งมีวิทยากรทั้งหมด 11 ท่าน เราไปอบรมที่เชียงใหม่เป็นหลัก จังหวัดนครพนม ส่วนจังหวัดสกลนครยังไม่เท่าไหร่ทำมาตั้งแต่ปี2563 จนถึงปัจจุบัน เราอบรมมาแล้วทั้งหมด 25 ครั้ง อบรมรุ่นหนึ่งประมาณ 80 คน ตัวผมเองนั้นเป็นวิทยากรบรรยาย เมื่อปี 2565หลังจากอบรมในอำเภอโครงการบำบัดทุกข์บำรุงสุข ผมก็ได้ไปเยี่ยมลูกศิษย์ที่อำเภอไชยปราการ เขาเป็นพื้นที่ขยายผลไปสู่คนไทยเชื้อสายจีน คนที่นั่นมีความตั้งใจที่อยากจะทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พวกเขามีการเทิดทูนในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าท่านชี้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ ให้คนรู้จักคำว่า “ความพอ ความสุข”เขาอยากทำแต่ไม่มีโอกาส พอผมได้เข้าไปในพื้นที่ผมรับรู้ถึงสายตาของพวกเขาว่า เขาคาดหวังอยากจะให้เราถ่ายทอด..” กล่าวทิ้งท้ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มภาคภูมิใจในผลงานที่ตนเองได้ทำ เมื่อทีมงานหันมาถาม “กาญจนี ละศรีจันทร์” ขอให้เล่าที่มาที่ไปในการทำแปลงโคกหนองนา เธอเล่าว่า เริ่มลงมือทำแปลงโคกหนองนาตั้งแต่ปี 2565 โดยได้รับงบประมาณหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงจากกรมการพัฒนาชุมชน กระทวงมหาดไทย ซึ่งนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เคยมาที่นี่ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม2565 ตอนนั้นมาเอามื้อสามัคคี และงานเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 “..จุดเริ่มต้นมาจากการไปอบรมพร้อมกับคุณบัญชากลับมาและได้ไปอบรมครูจิตอาสาพัฒนาชุมชนรุ่นที่1 ผู้ที่เข้ามาอบรมไม่เข้าใจว่าดินที่ขุดบ่อแล้วจะเอาไปไว้ไหน ถ้าเป็นจังหวัดเชียงใหม่จะมีเนินสูงอยู่แล้ว ที่โคกมันจะเก็บน้ำไม่ได้ แต่ตามหลักที่เราเรียนมานี้ความสามารถเก็บได้ ต้นไม้ที่สูง เราจึงขอเข้าร่วมโครงการดีกว่าและมาทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า ดินทั้งหมดที่เราขุดมานี้เราไม่ได้เอาดินออกจากพื้นที่เลยปั้นเป็นโคก ปั้นเป็นที่นาให้ครบและไม่เคลื่อนย้ายดินออกไป ซึ่งแปลงของคุณบัญชา 28 ไร่นั้นทำมาก่อน ซึ่งถ้าเราเข้าใจบริบทของโคกหนองนา เราจะบริหารได้ไม่ยุ่งยากครั้งแรกที่เริ่มทำเราจะห่มดินทั้งหมด รักษาหน้าดิน การเชื่อมต่อน้ำคลองไส้ไก่ เรามีความชอบส่วนตัวอยากให้น้ำไปทางไหนเราก็ขุดตามความต้องการของเรา..” จากการเดินสำรวจทั่วแปลงโคกหนองนา พบว่า ปัจจุบันผลผลิตทั้งหน่อไม้ กล้วย มะนาว กระท้อน รวมทั้งพืชผักกินใบชนิดต่าง ๆ เริ่มออกผลผลิตแล้ว “กาญจนี ละศรีจันทร์” เล่าว่า ตอนนี้มีการต่อยอดผลผลิตในแปลงด้วยการทำข้าวอินทรีย์ กล้วย กระท้อน ขนุน สามารถนำมาแปรรูป “เราจะรวมกลุ่มพี่น้องโคกหนองนาของเราในอำเภอเจริญศิลป์ เอามาร่วมกัน เช่น ข่าตะไคร้ของเราเยอะมากอาจจะนำมาทำน้ำมันหอมระเหย เครือข่ายโคกหนองนาเฉพาะอำเภอเจริญศิลป์มีทั้งหมด 21 แปลง ถือว่าเยอะ และแต่ละแปลงเริ่มมีความพร้อมแล้ว เกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น ในฐานะที่เราเป็นครูระดับจังหวัด จังหวัดนี้มีทั้งหมด 488 แปลง มีศูนย์ที่สมบูรณ์แบบแล้วมี 430แห่ง แต่ละแห่งมีความสมบูรณ์เต็มที่ ” หลังจากเดินสำรวจและพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว “บัญชา ราษีมิน – กาญจนี ละศรีจันทร์” ชวนให้ไปดูแปลงโคกหนองนาในวัดใกล้เคียง ที่ตอนนี้มีการขุดคลองใส้ไก่เอาไว้และวัดอนุเคราะห์ให้ใช้ศาลาเป็นศูนย์เรียนรู้โดยมีนายอำเภอในพื้นที่มาร่วมสนทนาด้วย เนื่องจากวัดแห่งนี้ได้รับงบเศรษฐกิจพอเพียงมาจากกระทรวงมหาดไทย และต่อจากนั้นทั้งคู่พร้อมทีมงานได้พาไปที่วัดศรีสุข บ้านสร้างฟาก ต. สร้างฟาก อ.เจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร เพื่อไปดูศาลาวัดที่มีอายุนับร้อยปีและที่สำคัญเป็นศาลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์รัชกาลที่ 9 เคยเสด็จมากราบพระบนศาลาการเปรียญโดยไม่มีในหมายกำหนดในช่วงปลายปี พ.ศ.2533 หลังจากที่พระองค์ท่านได้ถอดรองเท้าเข้าไปไหว้พระในศาลาการเปรียญแล้ว มีภาพที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใส่รองเท้าก้มลงผูกเชือกรองเท้าด้วยพระองค์เอง ซึ่งภาพนี้ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายคนว่า“แม้แต่พระมหากษัตริย์พระองค์ก็พึ่งตนเอง ทำด้วยพระองค์เอง” การเดินทางลงจังหวัดสกลนครเพื่อไปดูความสำเร็จในการทำแปลงโคกหนองนา ที่สนับสนุนโดย กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย นอกจากทีมงานได้ร่วมพูดคุยกับชาวบ้านแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกครั้งหากมีโอกาส “ปลัดเก่ง” สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะโทรศัพท์พูดคุยกับ “เจ้าของแปลง” ทุกครั้ง เพื่อให้กำลังใจและขอให้นำความสำเร็จในการทำแปลงโคกหนองนา “ขยายผล” ไปสู่ชุมชนหมู่บ้านอื่น ๆ ต่อไป อย่างเช่นแปลงของ “บัญชา ราษีมิน – กาญจนี ละศรีจันทร์” นี้ก็เช่นกัน ปลัดเก่ง ได้โทรศัพท์ร่วมพูดคุยพร้อมกับแนะให้ทีมงานไปคุยกับเจ้าของแปลงอีกแปลงหนึ่งคือ “พี่เอื้อง” “ขนิษฐา จิตเจริญ” หรือ “พี่เอื้อง” แห่งบ้านเชียงแสน อ.พังโคน จ.สกลนคร เจ้าของ “สวนเอื้องคำ” เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง ซึ่งเป็นคำกล่าวของ “หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร” บิดาแห่งการเกษตรไทย คำพูดนี้หลายคนบอกว่าเป็นความจริง โดยเฉพาะเห็นชัดในช่วงที่ประเทศไทยเกิดการแพร่ระบาดของโควิด หลายครัวเรือน หลายชุมชน ห้ามออกจากบ้าน ห้ามติดต่อกับบุคคลภายนอก ทำให้อาหารเกิดขาดแคลน ต้องพึ่งพืชผักที่ปลูกไว้ในชุมชน ในครัวเรือน “มีเงิน แต่ไม่มีอาหาร” “พี่เอื้อง” บอกว่าคนคิดจะทำโคกหนองนา คือ ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีความพร้อมไหม ปลูกพืชแบบนี้ต้องมีใจรัก และสองมือเราต้องทำ การทำเกษตรเป็นงานที่ต้องมีความอดทน พยายาม คนที่อยากทำต้องคิดก่อนว่าเรารักมันไหม อดทนได้ไหม หากอยากทำจริงก็เริ่มจากปลูกผักลงกระถางให้รอบ ๆ บ้านก่อนว่าเราสามารถทำได้ไหม หากทำได้ก็ตัดสินใจศึกษาโคกหนองนาอีกที ศึกษาทั้งสภาพดินสภาพอากาศ น้ำ พื้นที่บริเวณรอบของเรา เราทำโคกหนองนานี้เราได้ความสุข มีกินไม่อดตาย ได้เพื่อนภาคีเครือข่าย มีอะไรก็แบ่งปันกัน ในอำเภอนี้มีเครือข่ายอยู่ 73 แปลง “ปัญหาและอุปสรรคในพื้นที่ ที่เจอ คือ เรื่องน้ำ บางคนขุดบ่อแล้วไม่เจอน้ำ ทั้งที่มีคลองชลประทานผ่านแต่พื้นที่สูง ขุดลึก 6 เมตรก็ยังไม่เจอน้ำ แต่ก็ได้พยายามส่งน้ำจากชลประทานเข้าไปก็ยังไม่ได้อีก เจาะบ่อบาดาลก็ไม่ได้ เจอแบบนี้ก็ทำไม่ได้ ซึ่งหากจะว่าแล้วาโคกหนองนานี้ เหมาะสมกับบริบทในสังคมไทย เพราะสังคมไทยเป็นสังคมเกื้อกูลเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน แต่ปัจจุบันสังคมแบบนี้เริ่มจางหายไปจากวิถีชีวิตคนไทยไปมาก การที่กระทรวงมหาดไทยนำโคกหนองนาให้กับประชาชนนอกจากให้ประชาชนมีอาหารที่มั่นคงแล้ว ยังถือว่าเป็นการรื้อฟื้นการเกื้อกูล ความรู้รักสามัคคี วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของคนอีสานด้วยอีกประการหนึ่งเช่นกัน..” ตลอดระยะเวลาการเดินทางลงพื้นที่ของ “ทีมข่าวเฉพาะกิจ” ได้สัมผัสกับเจ้าของแปลงโคกหนองนา ในกลุ่มบุคคลหลายอาชีพ หลายกลุ่ม ทั้งพระภิกษุ นักการเมือง นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไป สิ่งหนึ่งที่พวกเขาต้องการแสวงหานอกจากความมั่นคงทางอาหารแล้ว คือ ความสุข “อย่างยั่งยืน” ก่อนจบขอยกคำพูดของ “องค์ทะไลลามะ” ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวธิเบต พูดไว้ตอนหนึ่งว่า มนุษย์เป็นสิ่งที่แปลกที่สุดในโลก เพราะเขายอมสละสุขภาพเพื่อหาเงิน แล้วก็สละเงินเพื่อให้สุขภาพฟื้นคืนมา เขาห่วงอนาคตมาก จนไม่มีความสุขกับปัจจุบัน ผลคือเขาไม่อยู่ทั้งปัจจุบันและอนาคต เขาอยู่เหมือนจะไม่มีวันตายและท้ายสุดเขาก็ตายไปโดยไม่ได้มีชีวิตอยู่จริง.. จำนวนผู้ชม : 874 Leave a ReplyFacebook Comments More Articles By the same author “สะพัด” มส. ใช้มติพิเศษ ตั้ง “เจ้าคุณเจือ” เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด อุทัย มณี ต.ค. 10, 2021 วันที่ 10 ต.ค. 64 เมื่อช่วงค่ำวันนี้สื่อออนไลน์มีการเผยแพร่มติมหาเถรสมาคมครั้งที่พิเศษ… ขอเชิญชมเสวนาวิชาการออนไลน์ในมิติศาสนาและวัฒนธรรม “ธรรมยุติกนิกายกับความเปลี่ยนแปลงในมิติวัฒนธรรม” อุทัย มณี ก.พ. 20, 2021 ขอเชิญชม เสวนาวิชาการออนไลน์ในมิติศาสนาและวัฒนธรรม… ‘UNF’จัดถกหา! ‘วิสัยทัศน์-ผู้นำสร้างชาติแห่งสันติภาพ’ อุทัย มณี ส.ค. 12, 2019 'UNF' นิมนต์ 'พระ มจร' ร่วมประชุมผู้นำอาเซียนระดับนานาชาติ ถกหา… “มูลนิธิโพลวพลือ(ทางสว่าง)-อ.ยักษ์” หนุนนำ “สันติศึกษา มจร” วิจัยลงดินศรีสะเกษ สูตรโคกหนองนาสันติศึกษาโมเดล อุทัย มณี พ.ย. 15, 2020 "สันติศึกษา มจร"พร้อม! วิจัยและพัฒนาศูนย์สันติธรรมชาติ โคกหนองนา… ที่ปรึกษาปลัด มท. สืบสานพลัง “บวร” เยี่ยมแปลง “ครูไทย หัวใจ โคก หนอง นา” เขียนตำราลงบนแผ่นดินไว้ให้ลูกหลาน อุทัย มณี ก.ค. 29, 2022 วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 พระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์… ทีมงานธรรมะห่มดอย “ต้นแบบการเผยแผ่ศาสนา” นำชาวกะเหรี่ยง 10 หมู่บ้านแสดงตนเป็น “พุทธมามกะ” อุทัย มณี เม.ย. 30, 2022 วันที่ 30 เม.ย. 65 เพจ พระดร.อรุณเมธี พุทธิภัทโท (ธรรมะห่มดอย) ได้โพสต์ภาพการแสงตนเป็นพุทธมามะของชาวกะเหรี่ยงในภาคเหนือ… “อนุชา” รุดประชุมพศ. ลั่นประกาศเจตนารมณ์ทุกวัดเผาศพโควิดฟรี อุทัย มณี ก.ค. 21, 2021 วันพุธที่ 21 กรกฎาคม 2564 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี… มหาดไทยห่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 สั่งผู้ว่าฯ เข้มงวดดอกไม้ไฟ อุทัย มณี ธ.ค. 18, 2021 มหาดไทยห่วงใยประชาชนเทศกาลปีใหม่ 2565 สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศเข้มงวดกวดขันการเล่นดอกไม้เพลิง… นักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าจาก 3 ศาสนา ประกอบศาสนพิธีถวายเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวร อุทัย มณี ม.ค. 06, 2023 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2566 เวลา 07.00น. นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุขรุ่นที่… Related Articles From the same category พระสงฆ์ 2,600 รูป เจริญพระพุทธมนต์สันติภาพนานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ ‘ในหลวง ร.10’ 'มจร'ร่วมกับสมาคมสันติภาพโลก นิมนต์พระสงฆ์ 2,600 รูปจาก 15 ประเทศ… “อนุทิน”เยี่ยมศูนย์กักกันพระสงฆ์กลับจากปฏิบัติศาสนกิจอินเดีย วันที่ 29 เมษายน 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข… มจร มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพระพุทธศาสนา ให้แด่ นายชวน หลีกภัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ขอแสดงความยินดีกับ นายชวน… แจกเหรียญฟรี!..ปลามหาลาภ เนื้อผงพุทธคุณปัดทอง วันที่ 9 เดือน 9 ณ ร้านก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ พุทธมณฑลสาย 4 พิธีสวดนพเคราะห์ตำรับหลวงพ่อพูล ณ ร้านก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ… บันทึกอดีตพระพุทธอิสระ : วิถีแห่งนักสู้ (ตอนที่ ๒) เช้าวันนี้ (๒ มี.ค.๖๔) นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ…
Leave a Reply