วันที่ 4 พ.ค. เฟชบุ๊ค ดร.ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ หรือ ครูนัท หนอนพระไตรปิฎก ได้โพสต์เกี่ยวกับพฤติการณ์ ของ นายจีรพันธ์ เพชรขาว  รู้จักกันในชื่อ “หมอปลา” ที่กำลังดังอยู่ในสื่อมวลชนและมีวัดหนึ่งขึ้นป้ายต้าน ว่า

วัดแม้เป็นสาธารณสถาน ประชาชนทั่วไปมีสิทธิเข้าไปได้ก็ตาม แต่ก็ต้องเข้าไปด้วยความสงบ แต่งกายยังต้องสุภาพ พฤติกรรมก็ต้องสุภาพด้วย  ส่วนกุฏิเป็นที่รโหฐาน  หมอปลาคงต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่ให้ถูกต้อง บางครั้งเจตนาดี แต่วิธีการผิด มันก็คือผิด ที่พูดได้ เพราะเคยทำมาก่อนหมอปลา ทั้งเราและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ขึ้นศาล ต่อสู้คดีมาแล้วหลายสิบคดี รอดมาได้ทุกคนอย่างน่าอัศจรรย์  เรียกว่า ถ้าเป็นเรื่องราวการต่อสู้เพื่อพระพุทธศาสนา ชื่อครูนัท หนอนพระไตรปิฎก ก็โด่งดังติดยุทธภพเช่นกัน ต่างที่ครูนัทไม่เคยทำอย่างหมอปลา ไม่เคยเอาสื่อบุกเข้าวัดอย่างผิดกฎหมาย ทำแค่ระดับแฉ ต่อต้าน คัดค้าน วิธีการที่หมอปลาทำ ไม่ใช่วิธีการที่ศาลไทยยอมรับ แม้แต่การได้มาซึ่งพยานหลักฐาน ถ้าขึ้นศาลก็อาจใช้เอาผิดพระนอกรีตในคดีความไม่ได้  เพราะการได้มาซึ่งพยานหลักฐานต้องได้มาโดยอำนาจเจ้าพนักงานและชอบด้วยกฎหมาย ไปดูตัวอย่างคดีล่อซื้อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ปลอมที่กระทำโดยเจ้าของลิขสิทธิ ไม่ได้กระทำโดยเจ้าพนักงานตามกฎหมาย สุดท้ายศาลยกฟ้อง

วันหนึ่งหมอปลาจะเรียนรู้เองว่า วิธีการแก้ปัญหาความเสื่อมในพระพุทธศาสนา คือ การให้ความรู้ที่ถูกต้องตามพระไตรปิฎกแก่ประชาชน เสมือนฉีดวัคซีนป้องกันอลัชชี  แล้ววางจิตว่า ทุกคนมีกรรมเป็นของของตน อะไรที่สุดมือสอย ก็ต้องปล่อยมันไป  ถ้าเจอพระดื้อด้านและหน้าด้าน ก็ต้องปล่อยไปตามกรรม เราไม่ใช่ผู้ชี้กรรมของใคร ปล่อยให้กรรมทำงาน เสมือนเรือบาปที่อยู่บนกระแสน้ำเชี่ยว ถ้าเราเอาเรือเราเข้าไปขวาง โดยหวังจะทำลายเรือบาปนั้น ถ้าเรือเราเล็กเกินไป เรือบาปลำใหญ่ก็ไม่กระทบกระเทือน ถ้าเรือเราใหญ่มากพอ เรือใหญ่นั้นย่อมสะเทือน แต่เรือของเราก็ต้องเสียหายไปด้วย สู้ปล่อยให้เรือบาปพัดไปตามกระแสน้ำ จนวันหนึ่ง เรือบาปลำนั้นมันจะชนเข้ากับเกาะแก่งแตกสลายเอง

คนเราทุกคน สามารถพูดได้ว่าตนรักพระพุทธศาสนา แต่การรักพระพุทธศาสนา ต้องแสดงออกด้วยการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า..