เรื่องเล่า : ชีวิต (พระ) ผู้ลี้ภัย

        เช้าวันนี้ (19 ม.ค.64)  พระปัญญา สีสัน อดีตพระลูกวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองกับคณะราษฏร ภายหลังถูกดำเนินคดีในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก่อนเดินทางขอลี้ภัยไปประเทศฝั่งยุโรป   ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการลี้ภัยและชีวิตในค่ายผู้ลี้ภัย โดยล่าสุดโพสต์ดังนี้

 ...รูมเมทเม็กซิกันเก็บของหนีอีกแล้ว … ใจหายเพื่อนนำคลิปบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สด ๆ ร้อน ๆ ในรถเมล์เมื่อตอนเย็นให้อาตมาดู

   ชายโมร็อกโกคนนึงพยายามลวนลามผู้แสวงฯ หญิงชาวเม็กซิกัน 2 คนแม่กับลูกคนเล็ก ลูกสาวคนโตถ่ายคลิปไว้

       ชายโมร็อกโกผู้นี้เคยใช้มีดแทงคนในค่ายนี้เมื่ออาทิตย์ก่อน อีกเหตุการณ์หนึ่งเขาทุบหน้าต่างบานกระจกเพื่อท้าตีท้าต่อยผู้คน

     แล้วเขาก็ยังกินเหล้าเมายาเสพติดทุกวัน ๆ อยู่ในค่ายได้เฉย..    3 คนแม่ลูกเล่าว่า นี้ไม่ใช่การลวนลามครั้งแรก หากแต่เป็นการระรานครั้งที่ 3 แล้ว. อาตมาอยู่ในส่วนไหนมุมใดของสังคมมนุษย์กันละเนี่ย….

 

     ในขณะที่เมื่อวานนี้ได้เล่าชีวิตการเดินทางมายังค่ายผู้ลี้ภัย ดังนี้

      รูปนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 4 มกราคม ณ สถานีรถไฟแห่งนึง วันนั้นอาตมาเดินทาง 442 กิโลเมตรด้วยรถเมล์ 1 ต่อ และรถไฟอีก 3 ต่อ ออกเดินทางเที่ยงครึ่ง ถึงปลายทางซึ่งเป็นที่หยุดรถไฟแห่งนึง 1 ทุ่ม 2 นาที ที่หยุดรถไฟห่างจากค่ายผู้แสวงหาที่ลี้ภัย 9 กิโลเมตร

ที่หยุดรถไฟแห่งนี้ ไม่มีชุมชนร้านค้าอยู่เลย บ้านคนอยู่ กระจายออกไป ฝนตกปรอย ๆ ตั้งแต่ขนสัมภาระลงจากรถไฟ รองเท้าที่อาตมาสวมไม่ได้กันน้ำ รู้สึกได้ว่าถุงเท้าชื้น เท้าเย็นเฉียบ ตะวันลับขอบฟ้าตั้งแต่ 4 โมงเย็น ฟ้ามืดมิดตั้งแต่ 5 โมงเย็น มีแสงไฟสาดมาที่เพิงรอรถไฟอยู่บ้างพอสลัว ๆ

เมื่อรอได้ซัก 20 นาที มั่นใจแล้วว่าไม่มีเจ้าหน้าที่มารอรับ อาตมาจึงเดินไปตามหาบ้านคน กดออดไป 4 บ้าน บ้านที่เปิดประตูออกมาดูเป็นคุณตาไม่พูดภาษาอังกฤษ อาตมาส่งเอกสารให้เขา พูดสั้น ๆ ว่าแท็กซี่หรือตำรวจ คุณตาโทรศัพท์ให้ แท็กซี่ปฏิเสธที่จะมารับ เพราะอาตมาไม่มีเงินยูโรติดตัว ส่วนตำรวจก็ไม่มาให้ความช่วยเหลือ บ้านคุณตาไม่มี WiFi

ตั้งแต่เท้าแตะสนามบิน 8 ธันวาคมจนถึง 4 มกราคม อาตมาไม่มีโอกาสได้ออกไปทำธุรกรรมทางการเงินเลย อาตจึงไม่มีเงินยูโรติดตัวแม้แต่เซนเดียว

หลังจากที่กล่าวขอบอกขอบใจคุณตาเสร็จ อาตมาก็รีบรุดกลับไปที่เพิงรอรถไฟ ด้วยเกรงว่ากระเป๋าสัมภาระอาจจะถูกขโมย เหมือน Notebook และ iPad  อากาศเหน็บหนาวจนปวดนิ้วมือนิ้วเท้า จะนั่งอยู่ในเพิงก็ปวดเหลือเกิน จึงเดินออกมาจากเพิงทั้งที่ฝนตกปรอย ๆ

ระหว่างที่เดินกลับไปมาอยู่นั้น มีขบวนรถไฟวิ่งผ่านไปมาเป็นระยะ แต่ยังไม่มีขบวนใดจอดที่จุดนี้ อาตมาพูดกับตัวเอง ทางรอดของเราคือ ขึ้นรถไฟไปลงจุดที่มีชุมชน อย่างเลวร้ายที่สุดก็ได้นอนในที่ที่ฝนไม่สาด

เดชะบุญของอาตมา 1 ทุ่ม 40 โยม 3 ท่านที่อาตมาได้คุยไว้ช่วง 4-5 โมงเย็น ขณะอยู่ในรถไฟความเร็วสูงซึ่งมีอินเทอร์เน็ต โทรเข้ามาที่ซิมการ์ดซึ่งอาตมาไปไขว้กับเจ้าหน้าที่มาได้ก่อนออกเดินทางอย่างฉิวเฉียด

โยมส่งซิมมาให้ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม แต่อาตมาต้องออกแรงหน้าดำหน้าแดงถึงได้ซิมการ์ดมาใช้ในวันที่ 4 มกราคม ค่ายมือถือกินเงินเติม 10 ยูโรเกลี้ยง ภายในไม่ถึง 5 นาทีหลังเปิด Data

ในที่สุดโยมท่านที่ส่งซิมการ์ดมาให้ ติดต่อกับโยมอีกท่านซึ่งอยู่ห่างจากจุดจอดรถไฟราว 60 กิโลเมตรได้สำเร็จ แล้วโยมท่านนี้ก็มีเมตตาและความปรารถนาดี อาสาขับรถมารับอาตมาพาไปส่งที่ค่าย โยมมารับ 3 ทุ่ม

พลังงานที่ได้รับจากขนมปัง 1 ก้อนนม 1 กล่องตอนเช้า หมดไปตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว ขนสัมภาระขึ้นลง ๆ มาได้ตลอดรอดฝั่งจนถึงปลายทางก็ถือว่าเก่งแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้อาหารและน้ำ ไม่ได้ให้เงินค่าแท็กซี่ติดตัวมาเลย ไม่ได้บอกว่าจะต้องเดินเท้า 9 กิโลเมตร ไม่ได้ให้แผนที่ ไม่ได้ให้ไฟฉาย รปภ.บอกแต่เพียงว่าคุณไปตามตั๋วรถเมล์รถไฟที่ปรินซ์ให้นี้แหละ

ถึงค่ายราว 3 ทุ่มครึ่ง อาตมาถาม รปภ.ว่า คุณทราบไหมว่าฉันจะเดินทางมาถึงวันนี้ พวกเขาตอบว่า ไม่ทราบ อาตมาถามต่อใครจองตั๋ว เขาตอบ พรุ่งนี้คุณต้องโทรไปถามยังค่ายที่ส่งตัวคุณมา

การลงทะเบียนกินเวลาประมาณ 20 นาที เกือบ 4 ทุ่มเขาส่งตัวอาตมาไปพักยังตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อกักตัวดูอาการของโควิดสักระยะ

เช้าวันต่อมา หลังทานข้าวเสร็จ มีแรงแล้ว อาตมาก็ไปขอเอกสารที่ จนท.ดึงไปตั้งแต่เมื่อคืน กระดาษแผ่นนึง มีเบอร์โทรและอีเมลของค่ายแรกที่ส่งตัวมา อาตมาต้องการคำอธิบาย พวกคุณมีวัตถุประสงค์อะไร จึงจัดตั๋วเดินทางอย่างนี้ คุณจะตอบอะไรมาก็ได้ แต่คุณต้องให้คำอธิบายแก่ฉันมา

ปรากฏว่า จนท.ไม่ให้เอกสาร ตู้คอนเทนเนอร์ไม่มี Wifi แต่ก็เดชะบุญของอาตมาอีกนั่นแหละ โยมที่ขับรถมาส่งให้ความช่วยเหลือปล่อย Hotspot เพื่อสมัคร Package เน็ต+โทร

แต่อาตมาก็เหนื่อยล้าเกินไปที่จะอีเมลไปถามด้วยตนเอง คิดว่าน่าจะเป็นการตักน้ำรดหัวตอ แต่อีกสักพักจะคุยเรื่องนี้กับทนาย ให้เขาทำบันทึกคำให้การ

ในกระเป๋าใบเล็กบรรจุ พระไตรปิฎกฉบับแปลภาษาอังกฤษ หนักเอาการ กระดาษแน่น ๆ ทั้งนั้น

กระเป๋าใบใหญ่มีพระพุทธรูปบาตร จีวร และอุปกรณ์สื่อสารทำเฟซบุ๊กไลฟ์

กระเป๋า Notebook ไม่หนักเหมือนเดิมแล้วตั้งแต่ Notebook และ iPad ถูกขโมย

อาตมาขอประกาศถ้อยคำเป็นการสาธารณะว่า อาตมาขอขอบอกขอบใจญาติโยมทุกท่านที่ได้ช่วยเหลือนำพาอาตมามาส่งถึงค่ายนี้ได้อย่างปลอดภัย โดยสวัสดิภาพ โดยที่ไม่ป่วยและยังไม่ตาย

        ซึ่งก่อนหน้านั้น 1 วันก็ได้เล่าชีวิตของการลี้ภัยไว้ว่า

        โยมแถวนี้หลายท่านย้ำกับอาตมานักหนา อย่าไปมีเรื่องมีราวในค่าย เจ็บตัวฟรี ได้ไม่คุ้มเสีย ให้รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง

แล้วค่ายนี้ก็มีเลือดตกยางออกน้อยกว่าค่ายแรกอยู่มากโข ครึ่งเดือนแล้ว อาตมาเพิ่งเห็นตำรวจกับรถพยาบาลเข้ามาแค่ครั้งเดียวตอนเที่ยงคืน

เมื่อตะกี้ 4 ทุ่มครึ่ง 1 ในสมาชิกของแก๊งค์นี้ที่มีผู้ใหญ่รวมทั้งวัยรุ่นตอนต้นและตอนปลายเลย 10 คนได้มาคุกคามอาตมาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว 2 ครั้งแรกอาตมาก็เงียบ เก็บไว้ ไม่ได้ไปคุยกับ จนท.

รูมเมทอาตมาสัญชาติเม็กซิกันก็โดนมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกมีคนพยายามจะเข้ามาในห้องเขา เขาขอย้ายออกไปข้างนอกค่าย 3 สัปดาห์ เขาเพิ่งจะกลับเข้ามาหลังอาตมาย้ายมาอยู่ได้ 4-5 วัน นี่ 2 วันก่อนเขาก็ถูกข่มขู่อีก

อาตมาคุยกับเพื่อนชาวอาฟกันอีก 2 คนก็โดนแก๊งค์นี้ข่มขู่อีกเช่นเดียวกัน จนพวกเขาขอย้ายห้องลงมาชั้น 1 พวกเขาเล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้แก๊งค์นี้ก็เพิ่งถึงขั้นลงไม้ลงมือกับคนผิวดำไป 6 : 1

จนท. 3 คน ก็ได้แต่บอกให้รอไว้วันจันทร์ ไว้คุยกับหัวหน้าของพวกเขา

มนุษย์นี่ สมกับเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทหนึ่งจริง ๆ

                สำหรับพระปัญญา สีสัน มิใช่พระภิกษุรูปแรกในพุทธศาสนา ที่ขอลี้ภัยจากประเทศไทย ก่อนหน้านี้มีทั้ง อดีตพระพรหมเมธี,อดีตพระยันตระ  ดังนี้เป็นต้น

*****************

Leave a Reply