ชาวโซเชียลแห่สงสาร “พระมหาอุเทน” อุทิส สิริวรรณ สลดใจ ซัดแรง!! พระรุมสกรัมพระ ไร้เมตตาต่อกัน

วันที่ 11 ตุลาคม 2568 หลังจากวัดชนะสงครามมีมติ “ภาคทัณฑ์” พระมหาอุเทน ปญฺญาปริทตฺโต และให้หา “คณะกุฎิ” อยู่ใหม่ แต่ไม่มีเจ้าคณะใดกล้ารับจนต้องออกจากวัดชนะสงคราม ก่อให้เกิดความเห็นใจ “พระมหาอุเทน” ไปสู่วงกว้าง “ชาวเน็ต” มองว่า “พระมหาอุเทน ปญฺญาปริทตฺโต” มิได้ต้องอาบัติหนักแต่ประการใด ที่ผ่านมีผลงานสร้างชื่อเสียงให้กับ “วัดชนะสงคราม” หลายประการทั้งเป็น “นาคหลวง” ทั้งเป็นอาจารย์สอนวิปัสสนา และมีผลงานขีดเขียนนับประการ แต่เกิดเรื่องอันเนื่องมาจาก ความพลั้งพลาดและประมาทไปก่อเรื่อง “โต้เถียง-ก่อวิวาทะ” กับ “บุคคลสาธารณะ” ซึ่งเป็นคน “นอกวัด” แต่มี “สื่อมวลชน”ไปขยายความ จนเจ้าคณะปกครองวัดชนะสงครามมีมติ “ภาคทัณฑ์”

เกี่ยวกับประเด็นนี้ “มูลนิธิทนายกองทัพธรรม” ตั้งข้อสังเกตว่า การลงมติสงฆ์ที่ขัดต่อพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ฯ เนื่องจากการออกมติภาคทัณฑ์โดยให้พระมหา ก.ย้ายออกจากคณะ 9 แล้วให้ไปเข้าคณะอื่นๆ ในจำนวน 16 คณะ ซึ่งผู้ออกมติหรือคำสั่ง “ย่อมเล็งเห็นผล” ได้โดยไม่ยากลำบากว่า “เป็นไปได้ยาก” หากมีการเปิดช่องพร้อมใจกัน “ไม่ยอมรับเข้าคณะใดๆ” แล้วอ้างเหตุดังกล่าว “ให้ต้องย้ายออกจากวัด ข.เพื่อไปหาที่อยู่ใหม่” และ “ขอให้ย้ายออกจากุฎิคณะ 9 ภายใน 30  วัน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ดังนี้ จึงเป็นการ “ออกมติที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและมีสภาพบีบบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคล” และอาจหมิ่นเหม่ต่อการแสดงให้เห็นถึง “เจตนาพิเศษ” เพื่อ “กลั่นแกล้ง” โดยมีความประสงค์หรือธงคำตอบคือ ให้พระมหา ก.“ออกไปเสียจากวัด” หรือไม่??

ขณะที่พลังชาวโซเซียล นักวิชาการสายศาสนา ต่างเห็นใจและวิพากษ์วิจารณ์ “เจ้าคณะปกครอง” และ “ผู้บริหารวัดชนะสงคราม” รวมทั้ง “ระบบคณะสงฆ์” ว่า ไม่ปกป้องรักษาคนตนเอง  ทั้งที่มีปรากฎข่าวตามโซเชียลว่าพระมหาอุเทน ปญฺญาปริทตฺโต ท่านพยายาม “ ขอขมาลาโทษและขอให้อดโทษในความพลั้งเผลอและผิดพลาด แต่พระชั้นผู้ใหญ่ในวัดไม่ยินยอมอ้างว่า ปกครองไม่ได้ ไม่ลดราวาศอกให้..”

ด้าน ผศ.ดร. อานนท์ เมธีวรฉัตร ป.ธ.6 มจร วิทยาเขตนครสวรรค์ เผยว่า เจ้าคณะกุฏี ไม่มีอำนาจไล่ลูกคณะ แม้เป็นตำแหน่ง “ผู้ช่วยเจ้าอาวาส” ต้องเสนอรายงานให้เจ้าอาวาสพิจารณาทราบความจริง แม้การสั่งลงโทษก็ไม่ใช่สิทธิอำนาจของผู้ช่วยเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาสใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ไม่ควร เกินกว่าตำแหน่งที่เป็นพึงปลดผู้ช่วยเจ้าอาวาสออกจึงเหมาะสมกว่าโดยประการทั้งปวง พระไม่รักกัน จะสอนชาวบ้านให้รักกันได้อย่างไร

ส่วนเฟชบุ๊ค Uthit Siriwan นักวิชาการพระพุทธศาสนาชื่อดัง ได้โพสต์ว่า รักษาการเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม เจ้าคณะแขวง เจ้าคณะเขตพระนครเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าคณะภาค1 เจ้าคณะใหญ่หนกลาง มหาเถรสมาคม ต้องช่วยกันระงับอธิกรณ์ ตอนนี้ แม้กระทั่ง 3 คน ที่ถูกแขวะแม้ในใจจะเคยเกลียดชังถ้อยคำ ก็หวนกลับมาเห็นอกเห็นใจ รายอาจารย์จตุรงค์ ถึงกับประกาศหาวัดให้รับไว้ อาจารย์เบียร์เอง ปวารณา ให้คนติดต่อขาดเหลืออะไรบอก ยินดีรับเป็นโยมอุปัฏฐาก  ส่วนแพรี่ ไม่ต่างกัน เพราะเคยถูกกระทำบีบคั้นมาก่อน ถ้าไม่มีวัดสังกัด 1 เดือน ก็ต้องสึก สรุป เจ้าคณะ ขาดเมตตาต่อกันขอขมาก็พยาบาทไม่อภัย ในจิตใจไม่อโหสิ

ภาพลักษณ์พระเจ้าคณะทุกคณะวัดชนะสงคราม ติดลบยิ่งกว่าเดิม วานชมรมศิษย์วัดชนะ เจรจา เจ้าคุณบุญมี เจ้าคุณสายชล ดังที่ผมย้ำตลอด ท่านผิดจริง ระดับลหุกาบัติ

ท่านมหายอมละทิฐิ ขอขมา แต่เจ้าคุณบุญมีไม่รับ ผมส่งตัวแทนไปสังเกตระยะประชิดตัว เจ้าคุณบุญมี ยังไม่คุยด้วย ปิดประตูใส่ รายที่ไป เป็นทนาย นักค้าความตัวยง

ไม่ใช่ตาสีตาสา เปรียญ 6 ว่าความคดีดังนับไม่ถ้วน แต่ใจรักพระศาสนา เห็นกับตา สลดใจ พระรุมสกรัมพระ อนิจจา ไร้เมตตาต่อกัน

ถ้าผมมีอำนาจ บอกตรง ผมก็จะส่ง “ครุฑบิน”สั่งสอนให้ เข็ด อย่าใช้อำนาจเกินตัวยิ่งคนห่มจีวร ยิ่งต้องมีเมตตาอภัย อโหสิ ไมใช่เอากันถึงกับ อาจต้อง “สึก”

ผมไม่ได้เข้าข้าง ที่ผิด สังคมออนไลน์ก็รุมก่นด่าท่าน จนสาแก่ใจแล้ว ตอนนี้ ทุกฝ่าย ควรถอยคนละก้าว ช่วยท่านเถอะ ที่ผู้พันเสน่ห์ ปธ.9 ศิษย์วัดชนะ สายอนุศาสนาจารย์

ฝันถึงหลวงพ่อสมเด็จ วัดชนะสงคราม ผมว่า หลวงพ่อสมเด็จ ส่งกระแสจิตมาบอกท่านเป็นห่วง การนิ่ง เฉย เอาตัวรอดตัวใครตัวมัน ของเจ้าคณะทุกคณะ

เห็นแก่ชื่อเสียง ภาพลักษณ์วัดสักนัด อย่าถึงกับต้องมีการทำหนังสือขอพระเมตตา สมเด็จพระสังฆราช
ระงับอธิกรณ์เลย

Leave a Reply