เหตุเกิด!! “วัดสุทัศน์” ???

       หลังจากสื่อโซเซียลได้แชร์หนังสือลงนามโดย “พระวิสุทธาธิบดี” เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร ถึง “พระเทพปฎิภาณวาที” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเป็นพระนักเทศน์ นักเขียนชื่อดัง โดยมีเนื้อความว่า ให้คืนศาลาดิน 2 หลังที่อยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ เพื่อใช้เป็นที่รับรองพระเถระในงานพิธีต่าง ๆ และเพื่อใช้ในกิจการส่วนรวมอื่น ๆ  ของคณะสงฆ์วัดสุทัศนเทพวราราม และขอให้ย้ายออกภายในวันที่ 16 มีนาคม 2564 และต่อมา มีหนังสือติดไว้ที่หน้าประตูมีเนื้อความว่า

 

       เรียนเจ้าของทรัพย์ ให้ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์มารับทรัพย์สินคืนภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันนี้ หากไม่มาดำเนินการไวยาวัจกรจะดำเนินการตามสมควร ตามบันทึกประจำวัน สน.สำราษฎร์ ข้อที่ 2 ลงวันที่ 14  เมษายน 2564 นั่น

       เหตุการณ์นี้ได้สร้างข้อสงสัยและกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่า เกิดอะไรขึ้นกับวัดสุทัศนเทพวราราม เนื่องจากเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน พระวิสุทธาธิบดี เพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาวาสได้ไม่นาน (มหาเถรสมาคมมีมติแต่งตั้ง 20 กันยายน 2559)  มีสมณศักดิ์ เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะ เป็นถึงกรรมการมหาเถรสมาคม  รก.เจ้าคณะภาค 4 และวัดสุทัศนเทพวราราม เป็น พระอารามหลวงชั้นเอก 1 ใน 6 ของวัดในประเทศไทยชนิด “ราชวรมหาวิหาร” และถือว่าเป็นวัดประจำ “รัชกาลที่ 8” ด้วย

        ส่วน “พระเทพปฎิภาณวาที”  ถือว่าเป็น พระนักเทศน์ นักเขียนชื่อดัง และฝีปากกล้า แต่งกลอน สัมภาษณ์ เตือนสติการเมืองและสังคมเสมอ ๆ จนมหาเถรสมาคม ต้องมีมติ “ห้ามพระภิกษุแต่งกลอนการเมือง” และทั้งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าคณะเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

       ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าว “เดอะบุ๊ด” ได้สอบถามจากแหล่งข่าวภายในวัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งได้เปิดเผยว่า พระวิสุทธาธิบดีเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเป็นอาจารย์ของพระเทพปฎิภาณวาทีที่สอนบาลีมากับมือ เมื่อท่านเข้ามาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสท่านก็มีทีมงานของท่าน และก็ปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการในวัดหลายอย่าง

       “สำหรับศาลาสองหลังที่หลวงพ่อขอคืนนั้น เป็นที่ตั้งสำนักงานเจ้าคณะเขตดุสิต ของพระเทพปฎิภาณวาที เดิมยุคสมัยเจ้าอาวาสรูปเก่าท่านมอบให้พระเทพปฎิภาณวาที เป็นผู้ดูแลและปฎิสังขรณ์  ตอนนี้เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันท่านขอคืน ซึ่งคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร เจ้าคุณเทพท่านคงให้คืน แต่อาจต้องใช้เวลาในการย้ายอุปกรณ์และสิ่งของ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังสือ เอกสาร ความจริงเรื่องนี้ไม่มีอะไร เพียงแต่มีคนถ่ายรูปหนังสือที่ติดไว้ แล้วนำไปโพสต์ จึงกลายเป็นประเด็นขึ้นมา..”  แหล่งข่าวกล่าวทิ้งท้าย

Leave a Reply