ปฎิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ว่าด้วย: อธิการบดี  “มจร”     

ฉับพลัน!! ที่ทราบข่าวว่า สภามหาวิทยาลัย มจร เห็นชอบชื่อ “พระธรรมวัชรบัณฑิต” ครองอธิการบดี มจร อีกวาระหนึ่ง ทันใดนั้นหน้าตากลุ่มผลประโยชน์และเครือข่ายที่มีชื่อเสียงซุบซิบอันไม่เป็น “มงคล” ในสังคม มจร  ก็ปรากฏขึ้นในห้วงสมองทันที

“เปรียญสิบ” ไม่มีปัญหากับ “พระธรรมวัชรบัณฑิต” ท่านเป็นพระดี เป็นพระเก่งวิชาการ  เป็นพระที่มีหน้าตาไม่รับแขก และ เมื่อชื่อผ่านสภามหาวิทยาลัยแล้ว “ถือว่าจบ”

แต่ทว่า!!เมื่อย้อนดูผลงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่เห็นผลงานอะไรที่โดดเด่นเลย นอกจากผลงาน  2 อย่างที่โดดเด่น คือ   ลงฉันที่หอฉันเกือบทุกวัน!! และ จัดรายการ “เสียงธรรม” จากมหาจุฬาอาศรม

เบื้องลึก เบื้องหลังใครล๊อบบี้ใคร ใครวิ่งเต้น ใครเป็นคนจัดโผรองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี ต่อจากนี้ไปหากเดาไม่ผิดก็คงเป็นคนเดียวและกลุ่มเดียวกันกับเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

เป็นเอาว่า มจร “หนีเสือปะจระเข้” 

ต่อจากนี้ “เปรียญสิบ” จะจับตากลุ่มผลประโยชน์ใน มจร ต่อเนื่องและเข้มข้นมากขึ้น นอกจากจะเกาะติดการแก้ปัญหาผลสุ่มตรวจที่ สตง. พบพิรุธกว่า 23 รายการ ว่า พระธรรมวัชรบัณฑิต จะแก้ไขอย่างไรแล้ว จะเกาะติดบุคคลและเครือข่ายอีกคนหนึ่งซึ่งมีคนใน มจร ตั้งข้อสงสัยส่งซิกมาว่า มีคนหนึ่งเป็นแค่ผู้บริหารระดับต้นเงินเดือน 2-3 หมื่น ทำไม!! หลายปีมานี้มีบ้านหลายหลัง และคน ๆ เดียวกันนี้ จริงหรือไม่ มีคำร่ำลือว่าแม้แต่ “พระธรรมวัชรบัณฑิต”  อธิการบดี มจร  “ต้องเกรงใจ” และคน ๆ เดียวกันนี้ จริงหรือไม่ มักวิ่งไปดูงานก่อสร้างและจัดซื้อจัดจ้างตามวิทยาเขตต่าง ๆ ทั่วประเทศ และ

จริงหรือไม่!! สังคม มจร บอกว่าเป็นเด็กในคาถาของ “บิ๊กบราเธอร์” 

ความจริง!! ไม่อยากพูดให้มากไปกว่านี้ เดียว “เข้าทาง” คนจ้อง “เขมือบ มจร” แต่ในฐานะศิษย์เก่า เห็นข่าวซุบซิบในแง่ไม่ดีของสถาบันเดิมของตัวเอง ซ้ำเกี่ยวข้องกับ “งบประมาณแผ่นดิน” อดไม่ได้ที่จะพูดที่จะเขียน เพื่อให้ถึงหูผู้บริหารผู้มีส่วนรับผิดชอบแล้วนำไปแก้ไขต่อ!!

อาจจะมีคนสงสัยต่อว่าทำไม “เปรียญสิบ” ไม่เคยพูดถึง มมร หรือมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัยเลย ความจริง ตั้งแต่ “มมร”  เจอม. 44 และนำสตรีเข้าไปเป็นรองอธิการบดีสองคน ความเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ก็ถูก “ด้อยค่า” ลงในคณะสงฆ์แล้ว ใยจะต้องกล่าวถึงให้เปลืองความคิด “รกสมอง”

ไม่เหมือน “มจร” เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ระดับโลก เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่นานาชาติและสังคมไทยยอมรับ แม้ตลอด 4 ปีมานี้ไม่มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์และให้กล่าวถึง ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ แต่ 4 ปีต่อจากนี้ต้องจับตาดูว่า พระธรรมวัชรบัณฑิต จะใช้สโลแกน “4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง” เหมือนพรรคการเมืองหรือไม่??

และต้องจับตาอย่ากระพริบว่า ก้าวต่อจากนี้ไปพระธรรมวัชรบัณฑิต จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องข้อพิรุธที่ สตง.ตรวจพบอย่างไร รวมทั้งเรื่องเด็กของ  “บิ๊กบราเธอร์” ที่สังคม มจร กำลังเอือมระอา!!

ทั้ง “เปรียญสิบ” ในฐานะศิษย์เก่า นับจากนี้ไปจะทำหน้าที่ “ปฎิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” จะส่องดูว่า “พระธรรมวัชรบัณฑิต” อธิการบดีที่ถูกคัดเลือกเพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน 4 ประการ จะเป็นตัวของตัวเองหรือไม่ หรือจะทำตัว “ลอยเหนือปัญหา” เหมือนดังที่สังคม มจร เขาซุบซิบกันเหมือนเดิมต่อไปอีกหรือไม่??

พระธรรมวัชรบัณฑิต ต้องกล้าแสดงฝีมือ !! นิ้วไหนไม่ดี…ต้องกล้าที่จะตัดทิ้ง??

Leave a Reply