ปลัดมท. เปิดกิจกรรมพลัง “บวร” ถอนกล้าดำนาบุญ โครงการสังฆะประชาปันสุข  ณ อรัญประเทศ

 วันนี้ (3 ก.ค. 65) เวลา 15.00 น. ที่สำนักปฏิบัติธรรมป่าโมกข์ธรรมาราม หมู่ที่ 1 ตำบลหนองสังข์ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมพลัง “บวร” ถอนกล้าดำนาบุญ โครงการสังฆะประชาปันสุข คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศ และพิธีเปิดป้ายศูนย์การเรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ “โคก หนอง นา” บ้านหนองสังข์ โดยได้รับเมตตาจาก ท่านเจ้าคุณ พระสิริวุฒิเมธี รองเจ้าคณะจังหวัดสระแก้ว และพระมหาศราวุธ จิตฺตทนฺโต เจ้าคณะอำเภออรัญประเทศ และคณะสงฆ์ ร่วมในพิธี โดยมี นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระแก้ว นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันติ์ นายธีระชัย ลิ้มประสิทธิศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว นายอำเภอทั้ง 9 อำเภอ หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว นายบำรุง ล้อเจริญวัฒนะชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว นางสาวจันทร์เพ็ญ สอนสมสุข รองประธานสภาวิทยาลัยชุมชนสระแก้ว คณาจารย์ นักศึกษา นักเรียน และพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสระแก้ว ให้การต้อนรับและร่วมกิจกรรม

โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถวายพวงมาลัยและเปลี่ยนผ้าสไบห่มผ้าพระประธาน และถวายพวงมาลัยรูปเหมือนหลวงปู่แพง จาครโต เสร็จแล้ว กราบถวายสักการะและถวายเทียนพรรษาแด่ พระสิริวุฒิเมธี รองเจ้าคณะจังหวัดสระแก้ว และพระมหาศราวุธ จิตฺตทนฺโต เจ้าคณะอำเภออรัญประเทศ แล้วชมนิทรรศการโครงการสังฆะประชาปันสุข ของคณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศ และเดินเข้าสู่บริเวณพิธีเปิดกิจกรรมพลัง “บวร” ถอนกล้าดำนาบุญ บริเวณศูนย์การเรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ “โคก หนอง นา” บ้านหนองสังข์ หมู่ 1 ต.หนองสังข์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย วางมาลัยถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเปิดกรวยกระทงดอกไม้ถวายราชสักการะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำผู้ร่วมพิธีกล่าวคำถวายพระพรชัยมงคล ใจความสำคัญว่า “เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร

 

รามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 70 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 ปวงข้าพระพุทธเจ้า อันประกอบด้วย คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศ ข้าราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนชาวจังหวัดสระแก้วและชาวไทยทั้งปวง ขอน้อมเกล้าถวายพระพรชัยมงคล ขอพุทธานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก อีกทั้งเดชะพระบารมีแห่งองค์พระสยามเทวาธิราช ได้โปรดอภิบาลรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ปราศจากโรคาพยาธิ ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์และแข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญ ทรงสถิตสถาพรเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดกาลนานเทอญ”

จากนั้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมฯ โดยกล่าวว่า “ในวันนี้ เป็นความเมตตาจากคณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศ และความปรารถนาดีของพี่น้องวิทยาลัยชุมชนสระแก้ว ที่ทำให้ได้มีโอกาสมาร่วมงานอันสำคัญในสถานที่ที่ตนได้เคยมาสัมผัสถึงความประทับใจในความรัก ความสามัคคี ของคณะสงฆ์และพี่น้องภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยทุกภาคส่วน ทั้งราชการ ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ภาคธุรกิจ พี่น้องประชาชน ลูกหลานเด็ก และเยาวชน ซึ่งต้องกล่าวว่า “ที่นี่มีพลังของหลัก “บวร” อันได้แก่ บ้าน วัด และราชการ ที่เข้มแข็งมาก โดยเริ่มจากต้นน้ำ คือ ทำให้คนเรียนรู้ด้วยการพึ่งพาตนเองด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา ซึ่งคำว่า “ทฤษฎีใหม่” ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานให้พวกเราคนไทย หมายถึง การนำเอาหลักการหรือวิธีการที่คนในสังคมไม่เคยใช้เอามาใช้ โดยพระองค์ท่านทรงค้นพบจากสิ่งที่มีอยู่หรือเกิดขึ้นในธรรมชาติและนำมาใช้ เช่น ฝนหลวง หรือ ฝนเทียม ซึ่งพระองค์ท่านทรงสังเกตจากธรรมชาติว่าเมื่อมีมวลเมฆหรือก้อนเมฆจำนวนมากพอสมควรมารวมตัวกันในพื้นที่ที่มีความชื้นสัมพัทธ์ที่พอเหมาะ มันก็จะควบแน่นกลายเป็นฝน ทฤษฎีใหม่เรื่องฝนเทียมจึงต้องโจมตีก้อนเมฆเพื่อให้ก้อนเมฆมารวมตัวกันเหมือนธรรมชาติ เพียงแต่เราเสริมเรื่องของสารที่จะช่วยทำให้ก้อนเมฆมารวมตัวกันเป็นกลุ่มหนาๆ แล้วต้องดูว่ามีความชื้นพอสมควร และยังมีทฤษฎีใหม่อีกกว่า 40 ทฤษฎี โดยที่คนไทยคุ้นกัน เช่น 30 30 30 10 และทฤษฎีเรื่องของการห่มดินหรือเลี้ยงดินเพื่อให้ดินเลี้ยงพืช ทฤษฎีใหม่เรื่องของหลุมขนมครก เรื่องของป่า 5 ระดับ หรือป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง เรื่องอธรรมปราบอธรรม คือ การนำเอาสิ่งที่เราไม่ปรารถนา ไม่ชอบ ใช้ประโยชน์ไม่ได้ และเป็นโทษ มาบริหารจัดการเพื่อให้สิ่งที่เป็นโทษอยู่กลายเป็นคุณ คือ เรื่องของน้ำเน่าน้ำเสีย โดยใช้ผักตบชวาให้มาช่วยในการดูดสารสารอนินทรีย์ ที่เป็นศาลแขวนลอย ทำให้น้ำเน่าเสีย เพื่อลดสาเหตุของการทำให้น้ำเน่าเสีย และทำให้น้ำมีคุณภาพดีขึ้น โดยทรงพระราชทานแนวทางให้ทดลองทำเป็นตัวอย่างที่แหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี และบึงมักกะสัน กรุงเทพมหานคร รวมถึงเรื่องของการที่จะทำให้พวกเรามีความสุขอีกมากมายหลายทฤษฎี และด้วยพระบรมเดชานุภาพของพระผู้ทรงผู้คิดทฤษฎีใหม่จำนวนมากพระราชทานไว้ เป็นโชคดีของพวกเราคนไทยที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ คือ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานที่แน่วแน่ในการสืบสาร รักษา และต่อยอด พระราชดำริต่าง ๆ ของสมเด็จพระบรมชนกนาถของพระองค์ท่าน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนคนไทย ดังพระปฐมบรมราชโองการที่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างบ้าน วัด และราชการ ดังที่กระทรวงมหาดไทยได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืนกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณะสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เฉกเช่นเดียวกับ “หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล หรือ อปต.” ที่เป็นหน่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาในระดับตำบลของคณะสงฆ์ไทยภายใต้การกำกับของมหาเถรสมาคม กล่าวคือ ฝ่ายบ้านเมือง อันได้แก่ หน่วยราชการจะร่วมกับกับคณะสงฆ์ในการสนับสนุนให้คณะสงฆ์ได้ออกเยี่ยม ออกหน่วยอบรมประชาชน บำรุงขวัญบำรุงจิตใจ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนโครงการสังฆะประชาปันสุข ที่พระสงฆ์เดินสายจาริกไปเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง พากันไปเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อให้ผู้ป่วยติดเตียงและญาติที่มาร่วมในบริเวณที่ท่านได้จาริกไปเยี่ยม ได้มีจิตใจที่ใฝ่ไปในธรรมและสงบสุข และเมื่อจิตสงบก็จะทำให้ชีวิตมีความสุขเพิ่ม แม้ว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บก็ตามที รวมไปถึงอีกความร่วมมือสำคัญกับคณะสงฆ์อีกประการหนึ่ง คือ การร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง “โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข” หรือ “วัด 5ส” ร่วมกับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งมีแนวคิดที่ว่า วิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทย มีวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นเสาหลักในการพัฒนาคนให้มีคุณภาพทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ วัดจึงถือเป็นสถานที่สำคัญต่อวิถีชีวิตคนไทย ทั้งมีสภาวะแวดล้อมที่สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย และมีน้ำใจไมตรีในการที่จะช่วยกันในการสร้าง ชุมชน ตำบล หมู่บ้าน ให้เป็นพื้นที่ที่สะอาด แล้วเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ที่จะเป็นประโยชน์ทั้งทางตรง คือ เป็นอาหาร เป็นยารักษาโรค และทางอ้อม คือ บำรุงจิตใจให้ชุ่มชื่น รวมถึงการบริหารจัดการขยะ ด้วยการมีการคัดแยกขยะ การจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน เป็นต้น

การขับเคลื่อนโครงการสังฆะประชาปันสุขของคณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศ และศูนย์การเรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ “โคก หนอง นา” บ้านหนองสังข์ เป็นเครื่องยืนยันว่า เป็นความประทับใจของผมและคนไทยทุกคนที่จะได้มีโอกาสเดินทางมาศึกษาเรียนรู้ มาเที่ยวชม มาเยี่ยมเยียน เพราะแม้ว่าหนทางจะไกล และต้องมาเลอะเทอะเปรอะเปื้อนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ แต่เป็นความเปรอะเปื้อนที่มีพลังที่สมบูรณ์ กล่าวคือ แม้ว่าจะเลอะเทอะ แต่จิตใจจะมีแต่ความแจ่มใสเบิกบาน เต็มไปด้วยความปีติยินดี เพราะต้นข้าวที่เราปลูกทุกต้น จะออกรวง และรวงข้าวก็จะถูกเก็บเกี่ยว กลายเป็นเม็ดข้าวปันสุขไปพี่น้องประชาชนผู้ทุกข์ยาก ผู้ลำบาก ผู้เดือดร้อน ดังเช่นสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ผืนนาและศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ เป็นต้นแบบที่ได้รับการกล่าวขานว่า “ได้ช่วยดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทั้งการเป็นศูนย์พักพิง และการนำเอาปัจจัย 4 ไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนผู้ที่ทุกข์ยากเดือดร้อนจากสถานการณ์ดังกล่าว”” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ

 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า อำเภออรัญประเทศ จะมีความมั่นคงด้านอาหาร ด้านชีวิตอย่างสมบูรณ์มาก เพราะที่นี่ไม่ได้มุ่งแค่เรื่องศูนย์การเรียนรู้ อาหารการกิน การมีสภาพปวดล้อมทีดี แต่ยังเป็น “ต้นแบบแหล่งเรียนรู้ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามระบบธรรมชาติ และอิงธรรมะ โดยจะเห็นได้จากในแต่ละจุดของที่นี่ จะแวดล้อมไปด้วยพระพุทธรูปและคำสอน เพื่อให้เราใกล้ชิดความดีงาม และกระตุ้นส่งเสริมทำให้พวกเราทุกคนได้รับการเกื้อกูล ได้รับการแบ่งปันและถ่ายทอดความรู้ ให้ได้มีความสุขคู่กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เพราะทุกตารางนิ้วไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายกับผู้คน และนับวันจะขยายมากขึ้น และขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านได้ช่วยกันเสริมเติมเต็มพื้นที่ให้มีความสมบูรณ์ขึ้น ทั้งการไม่เปลือยดิน ไม่ทำให้ดินไร้ค่า เป็นแหล่งของต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมด ช่วยกันทำหัวคันนาทองคำ ช่วยกันห่มดินเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้สถานที่แห่งนี้สมบูรณ์ มีแต่ต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวมากขึ้น รวมทั้งขอให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอ และพัฒนากรทุกคน ได้ช่วยกันจัดทำฐานข้อมูลพรรณไม้ โดยน้อมนำโครงการพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หรือ อพ.สธ. เพื่อทำให้ทุกคนที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้ ได้รู้จัก ได้เรียนรู้ ข้อมูลรายละเอียดพรรณไม้นานาชนิดอย่างสมบูรณ์

 “ขอให้ความปรารถนาของทุกท่านที่ตั้งใจ คือ การมีความสุขในการทำความดีที่ได้แบ่งปัน และความสุขที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา อันเป็นการสนองพระราโชบายและพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่งผลทำให้ทุกท่านได้สมปรารถนาในการเป็นกำลังสำคัญของโครงการสังฆะประชาปันสุข และขอให้ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้เป็นต้นแบบในการขยายผลไปยังอำเภออื่น ๆ ของจังหวัดสระแก้ว และจังหวัดอื่น ๆ ในระยะเวลาอันใกล้ เพื่อร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสุข สร้างสรรค์ และสร้างความสามัคคี อันจะส่งผลให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย

หลังจากนั้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการจากทุกอำเภอ และเปิดป้ายศูนย์การเรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ “โคก หนอง นา” บ้านหนองสังข์ ปลูกต้นราชพฤกษ์ และต้นรวงผึ้ง ถอนกล้า คราดนาด้วยกระบือ และดำนาบุญ

สำหรับ สำนักปฏิบัติธรรมป่าโมกข์ธรรมาราม ก่อตั้งโดย “พระครูปลัดบัณฑิต อินฺทเมธี” หรือ “องค์ม่อน” รองประธานเครือข่ายธรรมะอารมณ์โดยใช้พื้นที่ดินของบรรพบุรษของตนเองในการก่อตั้งสำนักปฎิบัติ

Leave a Reply