“มหากาพย์” เงินเดือนพระปริยัติธรรม

ในที่สุดการเรียกร้องเงินค่าตอบแทนรายเดือน ‘ครูสอน’ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาก็ ‘คลอด’ ออกมาเสียที หลังมีการเรียกร้องจากผู้คนในวงการพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มา ‘ยาวนาน’ หลายทศวรรษ

โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เป็นสถานศึกษาที่ ‘วัด’ จัดการศึกษาแผนกบาลีและนักธรรมควบคู่กับ   หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษา โดยมีคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมเป็นผู้กำหนดนโยบาย และมีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นหน่วยงาน ‘สนับสนุน’ และเป็น ‘เลขานุการ

โรงเรียนพระปริยัติธรรมสามัญจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรที่เป็นมาตรฐาน พ.ศ.2558 และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษา ปี 2551

โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ มีจุดประสงค์ของการตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรมสามัญ ก็เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ ‘ขาดโอกาสศึกษาต่อ’ เพราะครอบครัวยากจน ให้มี ‘โอกาสเท่าเทียม’ ได้ศึกษาต่อการศึกษาขั้นพื้นฐานตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

สาเหตุ เพราะที่ผ่านมา ‘รัฐขาดความสามารถ’ จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่าง ‘เท่าเทียมเสมอภาค’ ให้แก่อนาคตของประเทศไทย

การบริหาร การจ้างครูสอน เป็นภาระของ ‘เจ้าสำนักเรียน’ แต่ละแห่งต้องแบกรับค่าตอบแทนรายเดือนตลอดมา แม้ส่วนหนึ่งจะได้รับ ‘ความอนุเคราะห์’ จากครูในโรงเรียนในพื้นมีจิตอาสามาสอนให้ ‘ฟรี’ เพื่อการกุศล

แต่ส่วนใหญ่ของโรงเรียนไม่มีครูจิตอาสา จึงแบกภาระอันหนักอึ้งนี้ตลอดมา โดยจ้างครูสอนแบบ ‘วัดครึ่งครูครึ่ง’ คือคุณครูทั้งหลายรับรายได้ต่อเดือนตาม ‘กำลังทรัพย์ของเจ้าสำนักเรียน’ แต่ละแห่ง

ภาพที่เห็นจนชินตา คือ โรงเรียนไหนที่ไม่มีครูจิตอาสา เจ้าสำนักเรียนต้องแบกภาระจนหลัก ‘แอ่น’ หาเงินมาบริหารโรงเรียนเพื่ออนาคตของชาติ

หาเงินโดยการทอดกฐิน  ผ้าป่าการศึกษา หรือหาผู้มีจิตศรัทธาสนับสนุน ขึ้นอยู่ที่ ‘บารมี’ ของเจ้าสำนักเรียนแต่ละแห่ง

ทำด้วยใจรักและศรัทธาในหน้าที่ในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณของหมู่บ้าน ชุมชน

ในแต่ละปี มีนักเรียนที่เป็นพระและสามเณรจบการศึกษาขั้นพื้นฐานในระดับมัธยมต้นและปลายจากโรงเรียนพระปริยัติธรรมสามัญ ปีละมากกว่า 54,000 รูป

เจ้าสำนักเรียนและวัดได้ทำหน้าที่ช่วยรัฐบาลปลุกปั้นและสร้าง ‘อนาคตของชาติ’ ที่ขาดโอกาสศึกษาในระบบ เพราะความยากจนด้วย ‘ความเสียสละ

ในขณะที่ทางรัฐบาลเรียกร้อง ‘ควบคุม’ มาตรฐานและคุณภาพครูโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ ในมาตรฐานเดียวกันกับโรงเรียนในระบบของกระทรวงศึกษาธิการทุกระดับ

ครูทั้งหลายจึงเริ่ม ‘ร้องขอ’ ให้รัฐบาลเข้ามา ‘ดูแล’ เรื่องค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับมาตรฐาน หรือ ‘ใกล้เคียง’ กับค่าตอบแทนรายเดือนของครูในโรงเรียนสามัญอื่นของกระทรวงบ้าง

แต่ดูเหมือนจะไม่มีแรงตอบรับ เพราะได้รับแต่เพียงคำตอบที่ ‘ว่างเปล่า’ ตลอดมาหลายทศวรรษ

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ก็ ‘ไม่สามารถ’ จัดสรรงบประมาณค่าตอบแทนรายเดือนให้ผู้บริหารและครูสอนโรงเรียนพระปริยัติธรรมสามัญได้ เพราะรัฐบาลไม่ได้จัดสรรงบประมาณให้ โดยอ้างว่า ‘ไม่มี’กฎหมายรองรับ

ความจริง สามารถ ‘เทียบเคียง’ กับกฎหมายว่าด้วยค่าตอบแทนรายเดือนและรายชั่วโมงของผู้บริหารและครูสอนศาสนาอิสลามได้

ในเมื่อโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ถูกบังคับให้มีระบบที่เป็นมาตรฐาน ถูกบังคับตรวจสอบและประกันคุณภาพการจัดการศึกษาตามข้อบังคับของรัฐบาลทุกอย่าง!

แต่ที่รัฐบาลไม่เข้ามาควบคุมดูแลให้ คือการจัดสรร ‘งบประมาณ’ ให้เกิดความสมดุลกับมาตรฐานที่ถูกบังคับ!

นี้ถือเป็นสิ่ง ‘แปลกประหลาด’ แบบ amazing Thailand เหมือน amazing สายไฟในเมืองใหญ่ของประเทศไทย

ทั้งที่ประเทศนี้เป็นประเทศที่มี ‘พระพุทธศาสนา’ เป็นศาสนาที่ ‘คนส่วนใหญ่’ นับถือ!

แต่ ! รัฐบาล ‘จัดสรร’ งบประมาณตามรายหัวของนักเรียนให้แก่โรงเรียนสอนศาสนาอีกศาสนาหนึ่ง ‘เต็มที่’!

รวมทั้งจัดสรร ‘งบประมาณ’ ค่าตอบแทนเป็นรายเดือนและรายชั่วโมงให้แก่ ‘ครูสอนศาสนา’ดังกล่าวแบบเต็มอัตราศึกเช่นกัน!!!

แต่แล้ว สิ่งที่ผู้บริหารและคุณครูของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เรียกร้องแบบสิ้นหวังเป็น ‘มหากาพย์’ ก็สัมฤทธิ์ผลเมื่อ 30 มิ.ย.2565 เมื่อกระทรวงการคลังออกประกาศค่าตอบแทนงานบุคคลการศึกษาพระปริยัติธรรมว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ทั้ง ‘รายเดือน’ และ ‘รายชั่วโมง

แม้จะเป็นข่าวดีที่ปะปนความในใจของบุคลากรโรงเรียนพระปริยัติธรรมในตัวเลขที่ ‘ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน’ ก็ตาม!

นอกจากนี้ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกบาลี และแผนกธรรม ยังได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้ด้วย

หวังว่า นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เกิดพัฒนาการที่เป็นระบบของการจัดการศึกษา พระปริยัติธรรม’ ของประเทศไทยให้สมกับ ประเทศพระพุทธศาสนา’!!!

Leave a Reply