ปลัดเก่ง – คณะสงฆ์และชาวราชบุรี  ร่วมปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ ฯ ตั้งเป้าครัวเรือนละ 1 ต้น

วันนี้ (22 ก.ค. 67) เวลา 09.00 น. ที่บ้านกลาง หมู่ที่ 10 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยได้รับเมตตาจาก พระครูวิทิตพัฒนโสภณ เจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์ พระอาจารย์สุเทพ สุเทโว ศูนย์ยุววาทศิลป์วัดพระศรีอารย์ ร่วมกิจกรรม โดยมี นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายชยชัย แสงอินทร์ รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมี นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นางพรศรี ตรงศิริ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดราชบุรี นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ นางสาววริษฐา สงวนเสริมศรี นายณัชวันก์ อัลภาชน์ เตชะเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนจิตอาสา นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2,000 คน ร่วมกิจกรรม

โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำผู้ร่วมพิธีถวายธูปเทียนแพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมอบพันธุ์กล้าไม้ให้กับนายอำเภอในพื้นที่จังหวัดราชบุรี จำนวน 10 อำเภอ อาทิ ต้นพะยูง ต้นมะค่าโมง ต้นประดู่ป่า ต้นโมกมัน ต้นสะเดา ต้นราชพฤกษ์ และต้นมะขามป้อม เพื่อนำไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนช่วยกันปลูก จำนวน 211,073 ต้น พร้อมร่วมร้องเพลงความดีอยู่เหนือสิ่งอื่นใด และนำผู้ร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ 2,000 ต้น บริเวณพื้นที่บ้านกลาง หมู่ที่ 10 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในวันนี้เป็นโอกาสที่ดีของชีวิตที่พวกเราทุกคนได้มาร่วมกันทำความดีเป็นปฏิบัติบูชาถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพราะสิ่งที่เราทำวันนี้เป็นการสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยแท้ ดังพระราชหฤทัยมั่นที่ทรงแน่วแน่ที่จะทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข” ด้วยการเชิญชวนพวกเราทุกคน “แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ดังพระราชดำรัสที่ได้พระราชทานเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ความว่า “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งวันนี้ เราได้ช่วยแก้ไขในสิ่งผิด อย่างน้อย 2 เรื่อง คือ 1) แก้ไขในสิ่งผิดทางสังคม ด้วยการรื้อฟื้นสิ่งที่ดีงาม ความเสียสละ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โดยทุกคนที่มาในวันนี้ ต่างมาด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะร่วมไม้ร่วมมือ ช่วยกันเอามื้อสามัคคี ช่วยกันทำความ ดี ด้วยหัวใจ ด้วยความเต็มใจ และ 2) เป็นการแก้ไขในสิ่งผิดทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่พวกเราและคนรุ่นก่อนได้เคยตัดไม้ทำลายป่า จนทำให้ทรัพยากรธรรมชาติคือต้นไม้ลดน้อยลง ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมในปัจจุบันมีความวิปริตแปรปรวน เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศอยู่ในขั้นวิกฤต เพราะเป็นผลกระทบจากสิ่งผิด คือการตัดไม้ทำลายป่า โดยพวกเราทุกคนมาร่วมกันช่วยกันปลูกต้นไม้ เพื่อต่อลมหายใจให้กับโลกใบเดียวนี้ การที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้เชิญชวนให้มาทำกิจกรรมในวันนี้ถือเป็นกิจกรรมมหากุศลอย่างยิ่ง ซึ่งตนขอเชิญชวนพวกเราทุกคน ปลูกต้นไม้อย่างน้อยคนละ 1 ต้น ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป เพื่อให้เรามีโอกาสทำสิ่งที่ดีมากขึ้น และขอให้ปีมหามงคลนี้เป็นปีเริ่มต้นที่จะทำให้เราช่วยกันทำความ ดี ด้วยหัวใจ ช่วยกันแก้ไขในสิ่งผิด ด้วยการเพิ่มพูนจำนวนต้นไม้ให้เพิ่มมากขึ้นในทุกปี ๆ จนกว่าเราจะตายจากโลกนี้ไป เพราะหากเราปลูกเพียงแค่ต้นเดียว เราไม่รู้ว่าต้นที่เราปลูกจะอยู่รอดหรือไม่ จะอยู่รอดใน 1 ถึง 3 ปี หรือเปล่า เราจึงต้องปลูกอย่างน้อย 1 ต้น นั่นหมายความว่า อาจจะปลูกมากถึงปีละ 10 ต้น เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในการรอดของต้นไม้ และเป็นการทำตามอุดมการณ์ที่พวกเราทุกคนมุ่งมั่นมาช่วยกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับโลก ให้กับจังหวัดราชบุรี ให้กับประเทศไทยของพวกเรา เราจึงต้องช่วยกันปลูกไปเรื่อย ๆ

“การทำความดีเมื่อทำแล้ว ขอให้ทำอย่างต่อเนื่อง  เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้ได้เกิดการ Change for Good ให้ตัวเราและลูกหลานของเรา ทั้งเป็นการแบ่งเบาภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข” รวมถึงพระราชปณิธานดังพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ด้วยพระองค์ทรงมุ่งมั่นในการสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ล้นเกล้าล้นกระหม่อมทั้งสองพระองค์ ทรงอยากเห็นประชาชนมีความสุข มีน้ำที่อุดมสมบูรณ์ สำหรับการประกอบสัมมาชีพและใช้ชีวิต ดังที่รัชกาลที่ 9 เคยตรัสว่า “เพราะน้ำคือชีวิต” และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงลุกขึ้นมาทำให้พวกเราได้ให้ความสำคัญในการปลูกป่า โดยตรัสว่า “…ป่ารักษ์น้ำ…มีป่าถึงจะมีน้ำ มีน้ำจึงจะทำให้เรามีชีวิตที่มีความสุข…” กิจกรรมในวันนี้จึงถือเป็นกิจกรรม ที่เฉลิมพระเกียรติและสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ครบถ้วนสมบูรณ์” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ทฤษฎีของนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม จะได้สรุปสาระสำคัญในทางวิชาการเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ไว้ว่า การที่เราปลูกต้นไม้ 1 ไร่ จะช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ดังนั้น กิจกรรมตลอดทั้งปีนี้ก็จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 2,300 ตัน

คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จึงขอให้พวกเราช่วยกันปลูกอย่างน้อยคนละ 1 ต้น และกำหนดเป้าหมายให้มีการปลูกเพิ่มมากขึ้นมากขึ้นในทุก ๆ พื้นที่ โดยน้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผลผู้คนรักกัน” ช่วยกันดูแลต้นไม้ที่พวกเราได้ช่วยกันปลูก ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานข้อสรุปไว้เป็นรูปธรรมว่า การที่เราช่วยกันปลูกต้นไม้ จะทำให้เกิดประโยชน์ 4 อย่างขึ้นในโลกมนุษย์ อันได้แก่ ประการที่ 1 ทำให้ตัวเราและลูกหลานมีอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ต้นไม้แต่ละประเภท มีไม้ยืนต้นหลายอย่างที่เป็นอาหาร และยารักษาโรคได้ เช่น มะม่วง ขนุน ทุเรียน กระบก ต้นหว้า ต้นชะมวง ประการที่ 2 ไม้หลายอย่างที่เราปลูกสามารถนำไปสร้างบ้านเป็นที่อยู่อาศัยได้ ตั้งแต่ต้นไผ่ ต้นประดู่ ต้นสัก ใช้ในการสร้างกระต๊อบจนกระทั่งถึงคฤหาสน์ ประการที่ 3 ไม้หลายอย่างหลายชนิด ใช้ทำเครื่องไม้ใช้สอยและเชื้อเพลิงได้ ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ โพเดียม กีต้าร์ ทำฟืนเผาถ่าน และประการที่ 4 ทำให้โลกนี้ร่มเย็นเป็นสุข ทำให้เรามีความสุขสบาย ผูกเปลนอน นั่งพักผ่อนหย่อนใจใต้ต้นไม้ ซึ่งนับเป็นองค์ความรู้ทางวิชาการที่อธิบายให้พวกเราได้เห็นภาพและเมื่อเราสัมผัสด้วยตนเองก็จะรับรู้ได้ว่าสิ่งที่พระองค์ท่านทรงอรรถาธิบายนั้นเป็นความจริงแท้แน่นอน

“ขอให้พวกเราทุกคนได้เป็นต้นแบบและช่วยกันดูแลต้นไม้ที่เราปลูกในอนาคต หาพื้นที่ที่เราสามารถปลูกป่าปลูกต้นไม้ให้มากขึ้น ๆ โดยมีผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้หลอมรวมพลังของพี่น้องประชาชนทุกหมู่บ้าน เมื่อเราคิดแล้ว เราต้องทำดีโดยทันที “Action Now” ให้สมกับที่เราเป็นลูกหลานของจังหวัดราชบุรี เมืองพระปฐมบรมราชจักรีวงศ์ เพราะพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงเป็นเจ้าเมืองราชบุรีในฐานะหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี จนกระทั่งราชบุรีได้รับสมญานามว่าเป็น “เมืองพระราชา” เราผู้เป็นลูกหลานต้องช่วยกันคิดดี ช่วยกันทำดี ช่วยกันส่งเสริมให้มีคนดีเพิ่มมากขึ้น ๆ เป็นร้อยเท่าพันทวี เพื่อให้ได้มีคนดีมาช่วยกันทำความ ดี ด้วยหัวใจ ดังบทเพลง “ความดีอยู่เหนือสิ่งอื่นใด” ที่คุณสมชาย นิลศรี ได้เป็นจิตอาสาประพันธ์บทเพลง และขับร้องร่วมกับน้องพอเพียง นิลศรี บุตรสาว ซึ่งการเป็นจิตอาสาไม่จำเป็นต้องมีเครื่องแบบ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสาขาอาชีพใด เราก็สามารถทำความดีได้โดยไม่ต้องมีใครมาชี้นิ้วสั่ง และขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ท่านนายอำเภอทุกอำเภอ ได้นำบทเพลงอันทรงคุณค่านี้ จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความรับรู้และประชาสัมพันธ์ เพื่อที่จะร่วมกันสร้างสรรค์สังคมแห่งการให้ สังคมที่ทุกคนช่วยกันดูแลเกื้อกูลพึ่งพาอาศัย เป็นจิตอาสาโดยไม่หวังผลตอบแทน ทั้งในรูปแบบการประกวด การเปิดผ่านเสียงตามสาย หอกระจายข่าว วิทยุชุมชน และในช่วงเวลาต่าง ๆ ในสถานศึกษา อย่างแพร่หลายต่อไป” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้าย

นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า จังหวัดราชบุรีจัดทำโครงการปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อมุ่งเน้นการส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คุณค่าและประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน เพื่อให้เกิดการฟื้นฟูระบบนิเวศตามธรรมชาติ ลดปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง เพิ่มความชุ่มชื้นในดิน คืนความสมดุลทางความหลากหลายทางชีวภาพ และสร้างความมั่นคงทางอาหาร

“เป้าหมายในการปลูกต้นไม้เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ในปีนี้ ตั้งเป้าทุกครัวเรือนในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ครัวเรือนละ 1 ต้น รวม 211,073 ต้น ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้เป็นพื้นที่ป่าชุ่มชื้น และสามารถเพิ่มพื้นที่ป่าได้ประมาณ 2,300 ไร่ โดยได้ดำเนินการบูรณาการกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้อนุมัติให้ใช้พื้นที่บริเวณบ้านกลางหมู่ 10 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ฝั่งซ้ายของแม่น้ำภาชี พื้นที่ 10 ไร่เป็นพื้นที่แปลงใหญ่สำหรับการจัดกิจกรรม และสนับสนุนพันธุ์กล้าไม้เพื่อมอบให้กับทุกครัวเรือนในจังหวัดได้ร่วมกันปลูกในกิจกรรมครั้งนี้” นายเกียรติศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม

Leave a Reply