ปิดเกม!! จำคุก 10 ปี “พระพุทธเจ้าน้อย” ข้อหาข่มขืนเหล่าสาวก

วันที่ 3 ก.ค.67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ราม พหาทุร พามชาน (Ram Bahadur Bomjan) หนุ่มเนปาลวัย 33 ปี ซึ่งคนจำนวนมากเชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด จนสื่อตั้งฉายาให้ว่า “พระพุทธเจ้าน้อย”  ได้ถูกจับกุมโดยตำรวจสอบสวนกลางของเนปาลแล้ว ด้วยข้อหากระทำชำเราและล่วงละเมิดทางเพศ

ทั้งนี้ พามชานมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในหมู่ชาวเนปาลและนานาชาติตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เมื่อมีคนจำนวนหนึ่งเชื่อว่าเขาคือพระพุทธเจ้าที่มาเกิดอีกชาติหนึ่ง

ตำรวจสอบสวนกลางเนปาลแถลงว่า พามชานถูกจับเมื่อวันอังคาร (9 ม.ค.) จากบ้านหลังหนึ่งชานกรุงกาฐมาณฑุที่เขาซ่อนตัวอยู่

“ชุดจับกุมของเราควบคุมตัวเขาได้ ขณะที่เขากำลังหลบหนีโดยการกระโดดออกจากหน้าต่างของบ้าน” คำแถลงของตำรวจเนปาลระบุ

 

นอกจากนี้ มีรายงานว่าเขาถูกจับพร้อมเงิน 30 ล้านรูปีเนปาล หรือประมาณ 225,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8 ล้านบาท) และเงินตราต่างประเทศอีก 22,500 ดอลลาร์

ในปี 2548 สมัยเป็นวัยรุ่น พามชานได้ฉายาว่าเป็น “บุดดา บอย” (Buddha boy) หรือ “พระพุทธเจ้าน้อย”  และตกเป็นข่าวดังไปทั่วโลก หลังจากสาวกของเขาอ้างว่าเขาสามารถนั่งสมาธิโดยไม่เคลื่อนไหวร่างกาย ไม่ดื่มน้ำ ไม่กินอาหาร และไม่หลับนอน ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน

 

“บุดดาบอย” ผู้นำทางจิตวิญญาณในเนปาลที่สาวกเชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด ถูกศาลเนปาลตัดสินจำคุก 10 ปี คดีล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์

ล่าสุดวันที่ 1 ก.ค. ศาลเนปาลพิพากษาว่า บุดดาบอยมีความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์จริง และตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลา 10 ปี รวมถึงต้องจ่ายเงินชดเชย 3,750 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 138,000 บาท) ให้กับเหยื่อ

บอมจันถูกเรียกว่าบุดดาบอยเนื่องจากเหล่าสาวกเชื่อกันว่า เขาเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด จากการที่เมื่อปี 2005 ขณะอายุ 15 ปี สื่อเนปาลรายงานว่า เขาเดินทางเข้าไปในป่าเพื่อนั่งสมาธิเข้าฌาณเป็นเวลา 10 เดือน โดยไม่กินอาหาร ไม่ดื่มน้ำ และไม่นอน ทำให้เขาได้รับความสนใจจากทั่วโลก

บอมจันถูกจับกุมที่บ้านแห่งหนึ่งชานเมืองกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล หลังศาลออกหมายจับเขาตั้งแต่ปี 2020 ในคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กผู้หญิง ซึ่งเป็นแม่ชีที่พำนักอยู่ในอาศรมของเขาในเขตบารา ทางตอนใต้ของกรุงกาฐมาณฑุ

ราม พหาทุร พามชาน เกิดปี 1990 ในครอบครัวชาวเนปาลที่นับถือพุทธศาสนา

เขาเข้าเรียนประถมที่โรงเรียนใกล้บ้าน จากนั้นเข้าศึกษาพุทธศาสนา ซึ่งอาจารย์ที่สอนศาสนาได้พาเขาไปแสวงบุญที่ลุมพีนีวัน ปี 2003 ระหว่างแสวงธรรมเกิดป่วยหนัก จึงต้องกลับบ้านช่วงปี 2005 ซึ่งตำนานของเขาจะเริ่มต้นหลังจากนี้

หลังจากกลับมาบ้านเพราะป่วยระหว่างแสวงบุญ เขาก็เข้าป่าไปนั่งสมาธิ โดยนั่งสมาธิเป็นเวลานานมากๆ จนมีเสียงเล่าลือกันว่า เขานั่งวิปัสสนาอยู่ตรงนั้น ไม่ดื่ม ไม่กิน ไม่ขยับใดๆ นานถึงสิบเดือน

ผู้คนได้ยินคำเล่าลือก็พากันมาพิสูจน์ด้วยตา และพากันเล่าขานว่าเขาคือพระพุทธเจ้าที่กลับชาติมาเกิด ซึ่งข่าวลือนี่ก็ไปถึงหูเจ้าตัว และเขาก็บอกว่าเขาไม่ใช่พระพุทธเจ้า ยังไม่ถึงขั้นนั้น เขายังอยู่แค่ในขั้นรินโปเชเท่านั้น (เป็นคำที่ใช้ยกย่องเกจิอาวุโสหรือพระผู้อวตารมาเกิดตามความเชื่อของทิเบต)

ประกอบกับมีการถ่ายคลิปตอนเขากำลังนั่งสมาธิ แล้วมีไฟจุดตรงอาสนะ แต่เจ้าตัวไม่เป็นอะไร ยังนั่งสมาธิกลางกองเพลิงต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งทำให้คนยิ่งศรัทธา กราบไหว้และฟังธรรมะเทศนาจากเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ช่วงพีคสุดนี่มีคนมาฟังเทศนาพร้อมกันถึง สามพันคน และตัวเลขรวมๆของญาติโยมที่ศรัทธาและมากราบไหว้เขา รวมๆน่าจะถึง สี่แสนคน โดยสานุศิษย์หลักๆจะมีทั้งชาวอินเดีย เนปาล และคนไทย

แต่จุดเปลี่ยนคือช่วงปี 2011 ซึ่ง ราม ซึ่งเดิมเคยบอกว่าตนไม่ใช่พระพุทธเจ้า แค่นั่งสมาธิแสวงธรรมอย่างเดียว ก็เริ่มเปลี่ยนแนวทางไป โดยเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาดัดแปลง และตั้งนิกายใหม่ สุดท้ายก็เปลี่ยนจากที่เคารพนับถือพระพุทธเจ้า มาเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย และเทพอีก7องค์แทน อีกทั้งยังป่าวประกาศว่า เขานี่แหละคือพระศรีอาริยเมตไตรยองค์ต่อไป

หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าน้อยกับสานุศิษย์ก็รีโนเวทสำนักเสียใหม่ ให้สานุศิษย์เลิกนุ่งจีวร หันมานุ่งจีวรฟ้าแทน และตั้งรูปเคารพของเขาให้ผู้คนกราบไหว้แทนรูปเคารพของพระพุทธเจ้า

หลังจากศาลได้ออกหมายจับพระพุทธเจ้าน้อย แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นพระพุทธเจ้าน้อยอีกเลย จนกระทั่งถูกจับขึ้นศาล และถูกตัดสินจำคุกสิบปี ข้อหาล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ นอกจากนี้ยังมีคดีอื่นๆที่อยู่ระหว่างการตัดสิน เช่นคดีที่มีการกล่าวหาว่าเขาไปเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตแบบปริศนาของสาวกคนอื่นๆอีกสี่คน

 

 

ที่มา PPTV.

Leave a Reply