เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 ที่ศูนย์ประชุมแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย หลังจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ผู้แทนนายกรัฐมนตรี ในนามรัฐบาลไทย กล่าวต้อนรับชาวพุทธทั่วโลกร่วมพิธีเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาโลกที่เดินทางมาร่วมประชุมชาวพุทธนานาชาติครั้งที่ 18 ภายใต้หัวข้อ “เมื่อเกิดวิกฤตจะใช้พุทธปัญญาอย่างไร” โดยรัฐบาลและมหาเถรสมาคมมอบหมายให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เป็นผู้ดำเนินการจัดประชุมในครั้งนี้ ภายใต้การนำของพระพรหมบัณฑิต ศ.ดร. กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานสภาสากลวันวิสาขบูชาโลกและประธานกรรมการดำเนินการจัดการประชุมวันวิสาขบูชานานาชาติว่า ขอต้อนรับคณะสงฆ์จากนานาชาติ 65 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมาร่วมประชุมชาวพุทธนานาชาติครั้งที่ 18 ครั้งนี้
เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ กล่าวผ่านออนไลน์ว่า เป้าหมายหลักขององค์การสหประชาชาติคือ การสร้างสันติภาพ จากนั้นพระเดชพระคุณพระพรหมบัณฑิต ศ.ดร. ในฐานะประธานจัดงานประชุมนานาชาติในครั้งนี้ขอบคุณรัฐบาลไทยในการสนับสนุนการจัดงานวิสาขบูชาในครั้งนี้ และได้ปฏิญญากรุงเทพฯ ครั้งที่ 18 การประชุมวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก พุทธปัญญาในการจัดการวิกฤติการณ์โลก ความว่า
ระหว่างวันที่ 1 – 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566 /ค.ศ.2023 ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย อยุธยา และศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ ประเทศไทย
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2542 ผู้แทน 34 ประเทศ ริเริ่มโดยประเทศศรีลังกา ได้เสนอต่อที่ประชุมสมัชชา สหประชาชาติ ให้วันวิสาขบูชา ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนพฤษภาคมเป็นวันสำคัญสากลของโลก และขอให้มีการจัดงานฉลองที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติและสำนักงานประจำภูมิภาคต่างๆ
ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติได้มีมติรับรองตามนั้น (ในสมัยที่ 54 วาระที่ 174 ) ดังนั้น วันวิสาขบูชาวันสำคัญสากลของโลก จึงได้ก่อกำเนิดขึ้นในปี 2543 ด้วยความร่วมมือของชาวพุทธทุกนิกาย
เพื่ออนุวัตรตามมติที่ประชุมสหประชาชาติ พวกเราจาก 65 ประเทศและภูมิภาค จึงได้มาร่วมกันฉลองวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ระหว่างวันที่ 1 – 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566/ค.ศ. 2023 ตามประเพณีหลายปีที่ผ่านมา ถึงจะมีอุปสรรคขัดขวางในช่วงโควิดระบาดก็ตาม การประชุมครั้งนี้ จัดโดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และรัฐบาลไทย ภายใต้คำแนะนำของสภาสากลวันวิสาขาบูชา สมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานาชาติ และได้รับการสนับสนุนจากมหาเถรสมาคมแห่งประเทศไทย และขอบันทึกความชื่นชมยินดีอย่างสูงต่อ ฯพณฯ ดิเนศ คุณวัฒนะ นายกรัฐมนตรีประเทศศรีลังกา ที่แสดงปาฐกถาพิเศษเสนอข้อวิเคราะห์วิกฤติการณ์โลกที่มีลักษณะซับซ้อน ย้ำถึงสิ่งท้าทายภายหลังโรคโควิดในการป้องกันโรคระบาด จนถึงภาวะโลกร้อน และความขาดแคลนที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องใช้พุทธปัญญาเรื่องปฏิจจสมุปบาท ดังที่ปรากฏอยู่ในเรื่องมัชฌิมาปฏิปทา กุสโลบาย และกรุณาที่ประกอบด้วยสติอันจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องทั่วทุกภาคส่วนสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน
ในการประชุม ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย พระนครศรีอยุธยา และศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ พวกเราได้พิจารณาเรื่อง “พุทธปัญญาในการจัดการวิกฤติการณ์โลก” โดยใช้ข้อคิดเห็นและแนวทางจากประเพณีปฏิบัติที่แตกต่างกัน ในที่สุดแห่งการฉลองและการประชุมที่ประสบผลสำเร็จ พวกเราได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า
1.โดยตระหนักถึงลักษณะความขัดแย้งในโลกว่ามีหลายมิติ เช่น บทบาทในสังคม ความเกี่ยวพันกันของความรับผิดชอบในสังคมมและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ จึงกระตุ้นรัฐบาลในโลกให้พิจารณาหาแนวทางที่ใช้ปฏิบัติได้และส่งเสริมให้ตระหนักถึงหลักปฏิจจสมุปบาทในการช่วยยุติความขัดแย้งทางสังคมและการเมืองในโลก โดยเฉพาะชาวพุทธโลกควรหาทางส่งเสริมสันติภาพและความสมานฉันท์ทั่วทั้งโลก โดยใช้พุทธธรรมเรื่องอภัย อหิงสา เมตตาและขันติ รวมทั้งการทำงานอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยในการปรับท่าที่ของคนผู้ถูกความโลภ ความโกรธ และความหลงครอบงำ เพื่อสร้างสังคมแห่งกุศลธรรมสำหรับมนุษยชาติ
2. เพื่อส่งเสริมสันติภาพภายในจิตใจของแต่ละคน โดยนำหลักสติปัฏฐานไปปฏิบัติกันทั่วทั้งโลก และใช้เป็นธรรมโอสถสำหรับทุกคน
3. เพื่อคงแนวคิดแบบมองโลกแง่ดีว่า ปัญหาในโลกถึงยากที่จะแก้ไขแต่ก็ไม่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากโดยธรรชาติ แต่ที่เป็นเช่นนั้นเพราะคนเรามองหาวิธีแก้ไขปัญหาผิดที่ผิดทางต่างหาก พระพุทธศาสนาสอนให้มองข้ามเป้าหมายของการแก้ปัญหาแบบเพ้อฝัน และแนะให้คนเราอยู่กับแนวปฏิบัติที่เป็นไปได้และดำรงอยู่บนฐานของความเข้าใจเกี่ยวกับอนิจจตาคือความไม่แน่นอน
4. เพื่อตัดสินใจเพิ่มความพยายามยิ่งขึ้นในการสร้างสันติภาพโลก โดยอาศัยการยกระดับการรับรู้ถึงข้อจำกัดที่ว่าสิ่งทั้งหลายต่างอิงอาศัยกันและกันเกิดขึ้น เข้าใจสมุฏฐานของความรุนแรง และรับทราบปัญหาอันเนื่องมาจากความเห็นแก่ตัว
5. เพื่อปลูกฝังคุณค่าแห่งการยอมรับและเคารพลัทธิศาสนาอื่น ในฐานะเป็นขั้นตอนที่จำเป็นต่อความสามัคคีของคนในสังคม และการพัฒนาเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการอยู่ร่วมกันโดยไม่ติดใจเรื่องความแตกต่าง และถึงจะแม้แตกต่าง แต่ก็ยังมีความเข้าใจและเคารพกัน
6. เพื่อกำหนดรู้ความทุกข์อันลึกซึ้งที่เกิดจากการใช้อาวุธสร้างความขัดแย้งและที่เกิดจากวิกฤติการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก มีผลกระทบทั้งทางกายและทางจิตใจ และเพื่อกระตุ้นชาวพุทธจากทุกภาคส่วนให้ลงมือเผยแผ่พุทธธรรมสำหรับเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นตามวิถีของการฟื้นฟู โดยกำจัดความขาดแคลนด้วยกรุณาและกำจัดความวุ่นวายในสังคมด้วยปัญญา
7. เพื่อส่งเสริมความเคารพต่อสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ รวมทั้งสัตว์ พืช ที่มีชีวิตสัมพันธ์กับมนุษย์อย่างแน่นแฟ้น ซึ่งมีความสัมพันธ์กันโดยตรงมากกว่าที่เราเคยทราบกันมาก่อน
8. เพื่อส่งเสริมการสนองตอบอย่างตื่นรู้ร่วมกันต่อวิกฤติการณ์ทางนิเวศวิทยา และความเสื่อมโทรมของสภาพอากาศ โดยใช้หลักคำสอนเรื่องอหิงสาและกรุณา ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นควบคู่กับเทคโนโลยีในการลดแก๊สคาร์บอน
9. ตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิตในช่วงที่มีโรคระบาด จึงเน้นย้ำหลักการอิงอาศัยกันและกันของการดูแลรักษาทางด้านจิตใจและการช่วยเหลือทางด้านวัตถุด้วยมนุษยธรรม รวมทั้งการใช้วิธีการด้านเศรษฐกิจในโลกหลังโควิด
10. เพื่อแสดงความเห็นชอบอย่างยิ่งต่อโครงการแปลพระไตรปิฎกภาษาบาลีเป็นภาษาอังกฤษ ที่ริเริ่มโดยมหาเถรสมาคมแห่งประเทศไทย และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย เพื่อเฉลิมฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
ในที่สุดนี้ ขออนุโมทนาขอบใจผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และหวังว่าพวกเราจะทำงานกันหนักก่อนการประชุมวันวิสาขบูชาครั้งต่อไป
ปฏิญญากรุงเทพฯ เนื่องในวันวิสาขบูชานานาชาติ ครั้งที่ 18 ประกาศ ณ วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2566
Leave a Reply