พุทธอิสระฮึ่ม!! “หรือจะต้องให้ออกไปลุยกันอีกครั้ง”

      เช้าวันนี้ (18 เม.ย.64) นาสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ได้โพสต์เฟชบุ๊คส่วนตัวว่า

       มหาเถรทำอะไร สำนักพุทธทำอะไร รัฐมนตรีประจำสำนักพุทธทำอะไรกันอยู่

       กรณีนี้สืบเนื่องมาจาก “อดีตพระพรหมดิลก” อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา และ “อดีตพระพรหมสิทธิ” อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ พร้อมพระภิกษุผู้ถูกกล่าวหา “คดีเงินทอนวัด” อีก 4 รูป  “กลับมาครองจีวร” อีกครั้ง ซึ่งได้สร้างความกังขาให้กับนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ เป็นอย่างมาก  โดยอ้างว่า อดีตพระเถระเหล่านี้กระทำผิด ทั้งธรรมวินัย ผิดกฎหมายอาญา ผิดกฎหมายคณะสงฆ์ ผิดคำสั่งมติมหาเถร และละเมิดอำนาจศาล

      พร้อมทั้งโพสต์ส่งท้ายว่า “หรือจะต้องให้ พุทธะอิสระ ออกไปลุยกันอีกครั้ง”

      ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านพระวินัย อย่าง ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต เคยอธิบายกระบวนทาง “พระวินัย” ว่า “ท่านยังไม่หลุดจากความเป็นพระภิกษุเพราะยังไม่ได้เปล่งวาจาสึก” ทั้งต่อหน้าพระภิกษุสงฆ์หรือต่อหน้าเจ้าหน้าที่พนักงานทั้งในชั้นสอบสวนและกรมราชทัณฑ์

      ส่วน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน  ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า การจับขังเข้าคุกของอดีตเถระเหล่านี้ว่า “คดีนี้ผิดปกติมาตั้งแต่ต้น เพราะในชั้นสอบสวนก็ไม่ปรากฎว่า พระเถระเหล่านี้ได้ทำการสละสมณเพศ, ขณะอยู่ในกรมราชทัณฑ์ ก็ไม่ได้ทำการสละสมณเพศ แต่ไม่สามารถห่มจีวรได้ ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์”  ในขณะที่การสืบพยานของพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาจากวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร “องค์คณะผู้พิพากษา” ได้บันทึกเอาไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาเมื่อวันที่ 20 เดือน สิงหาคม 2562 ปรากฏความในตอนหนึ่งว่า “ในวันนี้ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มาศาล โดยอยู่ในสมณเพศ พระภิกษุในวรพระพุทธศาสนา โดยได้ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ 3 และที่ 4ได้รับอนุญาต ให้ปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 แถลงต่อศาลว่า หลังจากได้รับการปล่อยตัว ชั่วคราวแล้ว ก็ได้นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ครองสมณเพศตามพระธรรมวินัยเช่นเดิม และปัจจุบันยังคง  จำวัดอยู่ที่วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร เช่นเดิม จึงบันทึกไว้”  อีกทั้งยังได้รับการยืนยันจากบันทึก    คำเบิกความพยานจำเลยตามบันทึก (๒๑ พ) ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2562 ระบุว่า“จำเลยในคดี  หมายเลขดำที่ อท.๒๐๕/๒๕๖๑ ยังครองสมณเพศ อยู่ระหว่างการพิจารณาคดี” 

          กล่าวโดยสรุป พระภิกษุทุกรูป ที่ถูกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวนยังคงสถานภาพความเป็นพระภิกษุตลอดมา และเมื่อศาลมีคำพิพากษา ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่มีการทุจริตใด ๆ และไม่มีหมายจากศาลสั่งให้จำคุก ก็สามารถที่จะครอง สมณเพศได้อย่างสมบูรณ์แบบทุกประการ

 

Leave a Reply