วันที่ 18 กันยายน 2568  มีการเผยแพร่เอกสารโดยอ้างเป็นเอกสารจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  อาทิ ให้วัดทุกวัดต้องขึ้นทะเบียนกับกรมการศาสนา ห้ามสร้างสิ่งสักการะใดๆ ภายในบริเวณวัด ห้ามพระสงฆ์ สามเณร และแม่ชี รับเงินทุกประเภทโดยเด็ดขาด เป็นต้น

เพจสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ออกมาระบุว่า ❌ไม่เป็นความจริง !! ❌เอกสารดังกล่าว หรือข้อความในเอกสาร ไม่ใช่เอกสารที่ออกจาก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  ซึ่งมีข้อความดังต่อไปนี้

จัดระเบียบวัดใหม่

1.ทุกวัด สำนักสงฆ์ สำนักปฏิบัติธรรม ต้องขึ้นทะเบียนกับกรมการศาสนา
2.ห้ามวัด สำนักสงฆ์ สำนักปฏิบัติธรรม ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ให้ทุกแห่งถือกรรมสิทธิ์โดยกรมการศาสนาเท่านั้น
3.ห้ามวัด สำนักสงฆ์ สำนักปฏิบัติธรรม บุกรุกบริเวณป่าสงวน ทั้งประเภทป่าเสื่อมโทรม ถ้ำ ภูเขา และเกาะเด็ดขาด
4.วัด สำนักสงฆ์ สำนักปฏิบัติธรรม จะต้องมีผู้จัดทำบัญชี และผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระที่ได้รับอนุญาติ นำส่งกรมการศาสนา อย่างน้อยปีละครั้ง และเปิดเผยต่อสาธารณะชน
5.ห้ามพระสงฆ์ สามเณร และแม่ชี รับเงินทุกประเภทโดยเด็ดขาด เงินบริจาค เงินทำบุญ ให้ถือและจัดการโดยคณะกรรมการวัด และต้องบันทึกการทำรายการรับจ่ายตามมาตรฐานการบัญชีที่สามารถตรวจสอบได้เท่านั้น
6.ห้ามวัด สำนักสงฆ์ สำนักปฏิบัติธรรม ถือเงินสด ณ เวลาใดเวลาหนึ่งเป็นเงินเกินกว่า 1 ล้านบาท
7.ทุกวัด สำนักสงฆ์ สำนักปฏิบัติธรรม จะต้องมีคณะกรรมการบริหารที่มาจากฆราวาส ในการทำหน้าที่บริหารและจัดการเรื่องเงิน และการจัดซื้อ จัดหา จัดจ้าง อย่างโปร่งใส รัดกุม ปลอดภัย สามารถตรวจสอบได้
8.การตรวจรับเงิน การจ่ายเงิน ทุกรายการต้องมีเจ้าอาวาส และรองเจ้าอาวาส เป็นผู้อนุมัติ และร่วมเห็นชอบโดยคณะกรรมการบริหารของวัด โดยทุกสิ้นวันจะต้องนำเงินสดที่ได้จากการรับบริจาค ทำบุญ เข้าบัญชีธนาคาร

9.ห้ามและให้วัด สำนักสงฆ์ สำนักปฏิบัติธรรม หยุดการจัดทำกิจกรรมและหรือข้องเกี่ยวกับพิธีกรรมใดๆ รวมทั้งการจัดสร้างวัตถุมงคลทุกชนิด ทุกประเภท ซึ่งไม่ใช่แนวทางตามที่กำหนดไว้ในพระไตรปิฎก และพระธรรมบัญญัติ ยกเว้นการจัดสร้างพระพุทธรูป เพื่อการรำลึกบูชาถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
10.ห้ามวัด เรียกขอรับเงินค่าบริการทางศาสนาใด ๆจากญาติโยม เช่น การบวช การนิมนต์ไปสวดงานบุญ งานศพ การจัดการเกี่ยวกับการสวดและเผาศพ
11.พระสงฆ์ สามเณร และแม่ชี ที่ทำการบวชอย่างถูกต้องจะต้องมีใบรับรองการบวชจากเจ้าคณะภาคตามลำดับชั้น และจะต้องดำเนินการยกเลิกบัตรประชาชนและหนังสือเดินทางประเภทบุคคลธรรมดาเดิม แล้วเปลี่ยนใหม่เป็นบัตรประจำตัวที่มีสมณะศักดิ์และหนังสือเดินทางประเภทนักบวช (อาจจะออกแบบใหม่ให้เป็นสมุดเล่มสีเหลืองส้ม เพื่อแยกแยะออกจากบุคคลธรรมดา) ใหม่ทันที
และเมื่อสึกแล้ว ให้เจ้าคณะภาคตามลำดับชั้นออกหนังสือรับรองการสิ้นสภาพสมณะภาพนักบวช แล้วบัตรประจำตัวสมณะศักดิ์และหนังสือเดินทางประเภทนักบวช จะต้องถูกยกเลิกในทันที
12.หากพระสงฆ์ สามเณร และแม่ชี รูปใดกระทำผิดต้องคดีอาญาหรือแพ่ง หากมีหลักฐานที่มีมูลและศาลให้ออกหมายจับหรือประทับรับฟ้อง ให้ถือว่าพระสงฆ์ สามเณรและแม่ชี รูปนั้นสิ้นสุดสภาพสถานะการเป็นสมณะภาพทันที โดยไม่จำเป็นต้องทำพิธีสึก เพราะถือว่าเป็นการทำผิดพระธรรมวินัยร้ายแรง และเพื่ออำนวยให้การดำเนินคดีนั้นเป็นไปด้วยดี
13.ห้ามสร้างสิ่งสักการะใดๆ ภายในบริเวณวัด สำนักสงฆ์ และสำนักปฏิบัติธรรม ที่มีขนาดสูงใหญ่โตเกินกว่า พระพุทธรูปที่เป็นพระประทานในพระอุโบสถ หรือศาลาปฏิบัติธรรม และห้ามสร้างไว้ใกล้กับโบสถ์ พระอุโบสถ ศาลาปฏิบัติธรรม ภายในรัศมี 100 เมตร
14.กำหนดให้วัด สำนักสงฆ์ และสำนักปฏิบัติธรรม ถือเป็นนิติบุคคลประเภทศาสนสถาน ไม่ใช่และไม่มีสถานะเป็นมูลนิธิอีกต่อไป
15.พระ เณร และแม่ชี ทุกองค์ ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินของตนและครอบครัว ต่อสาธารณะชน สำนักพุทธฯ ทุกปี ทั้งก่อนบวช ขณะบวช และหลังบวชแล้วเป็นเวลา 3 ปี