เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2564 ดร.ณพลเดช มณีลังกา เลขานุการกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน และอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมณฑป โดยอ้างถึงหนังสือที่ จว. 3/2564 เรื่องให้พระสังฆาธิการพักจากตำแหน่งหน้าที่ ลงวันที่ 12 สิงหาคม 2564 โดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 วรรค 1 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 และลงชื่อ เจ้าคณะแขวงบางระมาด-ฉิมพลี นั้น
ตาม “ข้อ 56 พระสังฆาธิการรูปใดต้องอธิกรณ์ หรือถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญาและอยู่ในระหว่างพิจารณาวินิจฉัย หรือมีกรณีต้องหาว่าละเมิดจริยาอย่างร้ายแรง และอยู่ในระหว่างสอบสวน ถ้าผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเห็นว่า จะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างพิจารณาหารือสอบสวน จะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ จะสั่งให้พักจากตำแหน่งหน้าที่ก็ได้ การให้พักจากตำแหน่งหน้าที่นั้น ให้พักตลอดเวลาที่พิจารณาหรือสอบสวน เมื่อพิจารณาหรือสอบสวนเสร็จแล้ว ถ้าปรากฏว่าพระสังฆาธิการที่ถูกสั่งให้พักนั้นไม่มีความผิด และไม่มีมลทินความผิดเลย ผู้บังคับบัญชาผู้สั่งให้พักต้องสั่งให้พระสังฆาธิการรูปนั้นกลับดำรงตำแหน่งเดิม เมื่อได้สั่งพักจากตำแหน่งหน้าที่นั้น หรือสั่งให้กลับดำรงตำแหน่งเดิมแล้ว ให้รายงานโดยลำดับจนถึงผู้มีอำนาจแต่งตั้ง และจึงให้กรมการศาสนาทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันสั่ง แต่ถ้าปรากฏว่าถึงแม้การพิจารณาหรือสอบสวนจะไม่ได้ความสัตย์ว่าได้กระทำผิด แต่มีมลทินหรือมัวหมอง ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งพิจารณา ถ้าเห็นว่าจะให้กลับเข้ารับหน้าที่อีก อาจเสียหายแก่การคณะสงฆ์ ก็สั่งปลดจากตำแหน่งหน้าที่ได้”
ดร.ณพลเดช กล่าวว่า หากพิจาณาว่าจะละเมิดจริยาอย่างร้ายแรงนั้น ก็สามารถไปดูตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) ข้อ 55 ซึ่งก็ยังไม่เห็นว่าเข้าตามโทษว่าด้วยจริยาร้ายแรงแต่อย่างใด และจากที่พระสมุห์อนันทต์ โชติธมฺโม อดีตเจ้าอาวาสวัดมณฑป ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าตั้งใจว่าการไม่รับศพตำรวจนั้นเพื่อที่จะชี้ให้เป็นกุศโลบายว่า ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งเป็นที่ประจักว่าแม้หากมีศพเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปที่วัดก็ต้องทำการฌาปนกิจอยู่ดี สิ่งนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่พระสงฆ์ในฐานะสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ต้องออกมาตักเตือนความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่าอย่าทำให้เกิดความรุนแรงกันในระหว่างประชาชนคนไทยด้วยกัน แม้ในสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าพระองค์ก็เคยกระทำ โดยพระองค์ทรงเข้าไปห้ามพระญาติแห่งเมืองกบิลพัสดุ์และเทวทหะ ซึ่งเตรียมทำสงครามแย่งชิงน้ำในแม่น้ำโรหิณีที่ไหลผ่านสองเมือง สิ่งนี้จะเห็นว่าเป็นกิจของสงฆ์ที่พึงกระทำ จนมีพระพุทธรูปปางห้ามญาติดังปรากฏในปัจจุบัน
ทั้งนี้ หากพิจารณาตามหลักสิทธิมนุษยชนก็ถือเป็นสิทธิ์ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 19 ว่าด้วยเสรีภาพในการแสดงออก ทุกคนมีสิทธิในอิสรภาพแห่งความเห็นและการแสดงออกรวมทั้งอิสรภาพในอันที่จะถือเอาความเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง แสวงหา รับ และส่งข้อมูลข่าวสารตลอดจนข้อคิดผ่านสื่อใด โดยไม่คำนึงถึงพรมแดน อีกทั้งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี 2560 มาตรา 34 ก็เปิดโอกาสให้บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียนฯ ได้ สำหรับกรณีพระสมุห์อนันทต์ โชติธมฺโม สามารถอุทธรณ์ได้ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) ข้อ 53 หากเห็นว่าคำสั่งลงโทษไม่เป็นธรรม ก็มีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยการร้องทุกข์ได้ฯ
ดร.ณพลเดช กล่าวว่า หากพิจารณาการพักตำแหน่งของพระสมุห์อนันทต์ โชติธมฺโม เห็นว่าอาจเป็นประเด็นทางการเมือง ขอให้ทุกฝ่ายลองหันหน้าเข้าหากันและควรเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อย ซึ่งรู้ดีว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาโดยเฉพาะฝ่ายถืออำนาจรัฐ ขอให้ทุกฝ่ายเห็นแก่บ้านเมืองบ้าง ขณะนี้บ้านเมืองบอบช้ำมาก จะถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องมาหาทางออกร่วมกัน หากต่างฝ่ายต่างห้ำหั่นกัน ประเทศเราก็ต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้และไม่มีทีท่าว่าจะยุติความวุ่นวายได้ สุดท้ายประเทศเราอาจจะเป็นประเทศที่เดินไปสู่ความล้มละลายหรือ Failed state ได้
Leave a Reply