สัมภาษณ์พิเศษ: พระเทพเวที รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มจร : พระภิกษุกับสานต่อเจตนารมณ์ ‘พระพุทธเจ้า’ ในวิกฤตโควิด-19 “จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย ..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเที่ยวจาริกไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก เพื่อความสุขแก่ชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย..” แม้ว่าจะข้ามผ่านกาลเวลามานานกว่า ๒,๕๐๐ ปี หากแต่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังคงได้รับการสืบสานเรื่อยมาในทุกยุคทุกสมัย เราจึงเห็น “พระภิกษุสงฆ์” เข้ามามีบทบาทสำคัญในวิกฤตการณ์ต่างๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็นับเป็นอีกครั้งที่พระสงฆ์ได้เข้ามามีบทบาทนำ ในฐานะปลุก-ปลอบ โอบอุ้ม สร้างขวัญและกำลังใจให้ญาติโยม เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและที่พึ่งของชุมชน ควบคู่ไปกับการหนุนเสริมด้านการดูแลรักษาพยาบาล ก่อกำเนิดเป็นโครงการและกิจกรรมเชิงรุกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระนิสิตจิตอาสาชาวเมียนมาที่ได้เข้ามาช่วยสื่อสาร-ทำความเข้าใจแรงงานข้ามชาติ เมื่อครั้งเกิดการระบาดใหญ่ที่แพกุ้ง จ.สมุครสาคร หรือการเปิดโรงครัวแจกจ่ายอาหารให้กับประชาชน การจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อผู้ป่วยสีเขียวขึ้นในวัดที่มีศักยภาพ ตลอดจนการสนับสนุนระดมทรัพยากร ประสานความร่วมมือเพื่อจัดตั้งโรงพยาบาลสนามโดยคณะสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล ฯลฯ อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์โควิด-19 ระลอกสี่ ที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงทะลุ ๒ หมื่นคนต่อวัน และจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมที่กำลังเดินหน้าสู่หลักล้านคนในอีกไม่ช้า แน่นอนว่าทุกชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยง หลายคนหวาดวิตก รู้สึกสิ้นหวัง ซ้ำร้ายกว่านั้นมีไม่น้อยที่ต้องกลายมาเป็น “ผู้สูญเสีย” โดยไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ เว็บไซร์ข่าวศาสนา “thebuddh” ได้นำข้อมูลสัมภาษณ์จาก “นิตยสารสานพลัง” ฉบับเดือนสิงหาคม ๒๕๖๔ ของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ซึ่งได้รับความเมตตาจาก พระเทพเวที (รศ.ดร.) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เจ้าคณะภาค ๖ อรรถาธิบายความอย่างลึกซึ้ง … อะไรคือบทบาทของ “พระภิกษุสงฆ์” ในโมงยามนี้ สานต่อเจตนารมณ์ ‘พระพุทธเจ้า’ ในวิกฤตโควิด-19 พระเทพเวที อธิบายว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระสาวกเมื่อครั้งจะออกไปประกาศศาสนาว่า ให้เดินจาริกเพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชน ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่ยึดถือกันมาจนถึงปัจจุบัน สอดคล้องกับคำสอนของพระองค์ที่ว่า “พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย” เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ประชาชนหมู่มาก และพระองค์ยังได้แบ่ง “โรค” ออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ โรคทางกาย หรือกายิกโรค และโรคทางใจ หรือเจตสิกโรค อย่างไรก็ดี ในหลักของพระพุทธศาสนาจะเน้นไปที่ “เจตสิกโรค” เป็นสำคัญ นั่นคือการแก้ปัญหาความทุกข์ใจ ความกังวล ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์โดยตรงที่จะเข้าไปช่วยตรงนี้ “โดยบริบทพระพุทธศาสนา เราก็สอนหลักธรรม พรหมวิหาร ๔ ประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุฑิตา และอุเบกขา เมื่อเห็นผู้อื่นตกทุกข์ได้ยาก พระสงฆ์ก็จะไม่ทิ้งให้เดียวดาย” พระเทพเวที ขยายความ พระเทพเวที เล่าต่อไปว่า พระสงฆ์ได้เข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือญาติโยมทุกๆ ครั้งที่เผชิญกับวิกฤตหรือสถานการณ์ใหญ่ ตัวอย่างเช่น ภัยธรรมชาติอย่างสึนามิ เมื่อปี ๒๕๔๗ จนมีการตั้งกองทุน “วัดช่วยวัด” ขึ้น โดยขณะนั้นเริ่มต้นจากการช่วยพระ-เณรก่อน เพราะถือว่าพระ-เณร ก็เป็นส่วนหนึ่งของประชากรไทยและควรได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งความช่วยเหลือเดียวกันนี้ก็เผื่อแผ่ไปทางญาติโยมด้วยเช่นกัน กองทุนดังกล่าวเป็นการระดมทุนภายในคณะสงฆ์ ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระจากทางภาครัฐ ไม่ว่าจะมีภัยอะไรเกิดขึ้น คณะสงฆ์ก็ยินดีพร้อมใจ รวบรวมปัจจัยที่ญาติโยมถวายมาตั้งเป็นกองทุน โดยในส่วนการระดมเฉพาะหน้าก็เป็นงานสาธารณสงเคราะห์ ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจ กฎหมายของคณะสงฆ์ “คณะสงฆ์มีบทบาทในการช่วยสังคมตลอดเวลา มีการตั้งคณะกรรมการประจำจังหวัดที่เรียกว่าคณะกรรมการสาธารณสงเคราะห์ประจำจังหวัด เมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็จะมีการสื่อสารและช่วยเหลือประชาชนทันที” พระเทพเวที ระบุ ในส่วนของสถานการณ์โควิด-19 คณะสงฆ์มีการปรึกษาหารือกันอยู่ตลอดเวลา โดยจะมีคณะกรรมการสาธารณสงเคราะห์ฯ ที่จะคอยช่วยเหลือในเชิงประจักษ์ เช่น ช่วยเหลือด้านสิ่งของ เปิดโรงครัว จนไปถึงการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ซึ่งคณะสงฆ์ก็จะทำงานเพิ่มศักยภาพมากขึ้น สำหรับการแพร่ระบาดระลอก ๒-๓ นั้น ปรากฏว่าการแพร่ระบาดขนาดใหญ่เป็นวงกว้าง ฉะนั้นคณะสงฆ์ก็ต้องขยายการทำงาน ปรับตัว และเพิ่มศักยภาพมากขึ้นเป็นกรณีพิเศษ โดยบทบาทของคณะสงฆ์นั้นก็จะเป็นไปตามสถานการณ์ความรุนแรงของโรค โดยองค์กรสูงสุดคือพระมหาเถรสมาคม (มส.) ก็ได้มีมติมาออกมาเป็นระยะว่าให้คณะสงฆ์ให้ร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ซึ่งพระสงฆ์ก็ทำเป็นองคาพยพใหญ่ทั่วประเทศ นั่นจึงเกิดการขยายจัดตั้งศูนย์พักคอยสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 (Community isolation) หรือโรงพยาบาลสนามในวัดที่มีศักยภาพ ซึ่งทางวัดก็ยินดีที่จะช่วยฝ่ายภาครัฐ มากไปกว่านั้นพระสงฆ์ยังรับหน้าที่เป็นตัวกลางเพื่อสื่อสาร ทำความเข้าใจกับชุมชน จนทำให้เกิดการขยายโรงพยาบาลสนามขึ้นในวัดหลายแห่งในขณะนี้ “พระสงฆ์มีนโยบายเชิงปกครอง เมื่อญาติโยมเกิดปัญหาพระสงฆ์ก็ต้องให้ความร่วมมือ ฉะนั้นเมื่อทางราชการมาขอความร่วมมือ วัดทั้งหลายจึงยินดีพร้อมใจที่จะให้ความร่วมมือ เริ่มตั้งแต่รับศพผู้ป่วยโควิดมาฌาปนกิจ แม้ในช่วงแรกบางวัดอาจจะยังปฏิเสธ แต่ในด้านปกครองก็ขอความร่วมมือไปตอนนี้ทุกวัดก็ยินดี” พระเทพเวที ระบุ หมอรักษาใจกับความจริงของธรรมชาติ พระเทพเวที เล่าต่อว่า ขณะนี้มหาวิทยาลัยราชจุฬาฯ ได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานคณะกรรมสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เพื่อเข้ามาช่วยให้ความรู้ โดยจะมุ่งไปที่ความรู้ด้านกายเป็นหลัก ขณะเดียวกัน การแก้ปัญหาในโรคทางใจ ทางคณะสงฆ์ก็ยังทำเคียงคู่กันไป เมื่อย้อนกลับไปช่วงคลัสเตอร์ จ.สมุทรสาคร และเป็นสถานที่ทำงานพี่น้องชาวพม่า นิสิตต่างชาติจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬา โดยเฉพาะนิสิตพม่าก็ได้เข้าไปเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือด้านการบรรเทาทุกข์ทางใจ เพื่อเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือด้านการบรรเทาทุกข์ทางใจ ให้ธรรมะผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้คลายความวิตกกังวลความทุกข์ความคับแค้นใจได้เยอะ “คณะสงฆ์ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ญาติโยมมีความทุกข์ร้อนคณะสงฆ์ก็ทิ้งไม่ได้ ยามประชาชนมีความสุข ญาติโยมอุปถัมภ์ค้ำชูพุทธศาสนา ใส่บาตร ตอนนี้เมื่อญาติโยมเกิดโรคภัย คณะสงฆ์ก็ต้องช่วยเหลือภายใต้หน้าที่ มีการรายงานถึงสถานการณ์ให้ทราบโดยตลอด โดยไม่ทอดทิ้งประชาชน” พระเทพเวที กล่าว อย่างที่เห็นมานักต่อนักแล้วว่า โควิด-19 ได้สร้างบาดแผลฉกรรจ์ในจิตใจของครอบครัวผู้สูญเสีย ทั้งจากการเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวโดยที่ญาติไม่มีโอกาสได้ดูใจ การประกอบพิธีศพและการฌาปนกิจที่ต้องรวบรัดกระบวนความ ในประเด็นนี้ พระเทพเวที บอกว่า หน้าที่สำคัญของพระคือต้องเป็นหมอรักษารักษาโรคทางใจ ส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลักธรรมที่นำไปแนะนำ และภูมิสติปัญญาของผู้รับ บางคนเข้าใจหลักความจริงของธรรมชาติว่ามีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป บางคนยังอาจจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่เมื่อมีผู้เสียชีวิต ทางครอบครัว-ญาติก็ต้องอาลัยอาวรณ์ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ครอบครัว-ญาติ จะทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะการเผาศพทันทีตามบริบท New normal “การทำพิธีศพเป็นรูปแบบวัฒนธรรม ความจริงของชีวิตก็คือ มีตาย จะเร็วจะช้าก็ต้องเผา เพียงแต่มีพิธีตามรูปแบบวัฒนธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สาระจริงๆ เมื่อตายแล้วก็ต้องเป็นไปตามระบบธรรมชาติ ถ้าเข้าใจหลักธรรมชาติก็จะพยายามปรับตัวได้” พระเทพเวที กล่าว บูรณาการพันธกิจควบคู่ ‘ธรรมนูญสุขภาพสงฆ์ฯ ที่จริงแล้ว คณะสงฆ์มีแผนปฏิรูปกิจการพุทธศาสนา หรือมีพันธกิจ ๖ ด้าน ประกอบด้วย ด้านการปกครอง ด้านการศาสนศึกษา ด้านการเผยแผ่ ด้านการสาธารณูปการ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ และด้านการสาธารณสงเคราะห์ ซึ่งจะนำมารวมกันเป็นแผนปฏิบัติการในระยะ ๕ ปี อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเหตุการณ์โควิด-19 เข้ามา พระสงฆ์ก็จะบูรณาการสถานการณ์ให้เข้าแผนที่วางไว้ ซึ่งจะช่วยให้ทำงานได้ง่าย มีประสิทธิภาพ และมีผลลัพธ์ที่ชัดเจน เมื่อปี ๒๕๖๐ ประเทศไทยได้มีการประกาศใช้ “ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ” เป็นครั้งแรก โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ฯ ควบคู่ไปกับองค์กรภาครัฐ นั่นทำให้มีการนำพันธกิจสงฆ์ในด้านสาธารณสงเคราะห์ผนวกเข้าไป และได้ดำเนินการตามกรอบของธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ฯ ฉบับนี้ เช่น สุขภาพวะทางกาย สุขภาวะทางสังคม และด้านจิต ปัญญา ฉะนั้นเมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามา คณะสงฆ์และภาคีเครือข่ายก็ทำงานบนฐานธรรมนูญฯ อย่างสบายใจ และเห็นผลชัดเจน ซึ่งเป็นความร่วมมือทั้งคณะสงฆ์และภาคีเครือข่ายจากภาครัฐ “ความเชื่อมโยงก็อยู่ในแผนการทำงานคณะสงฆ์ เราเรียกว่าโครงการร่วมมือภาคีเครือข่าย ภาคีเครือข่ายก็คือหน่วยงานราชการ รวมไปถึงหน่วยงานพี่น้องตระกูล ส. ทั้งหลาย ก็เข้ามาตรงกับแผนปฏิบัติการคณะสงฆ์ เพื่อร่วมมือกันทำ และรายงานต่อพระมหาเถรสมาคม แต่ในความจริงแล้วถึงไม่มีโรคเราก็ทำงานเป็นระบบอยู่แล้ว” พระเทพเวที ระบุ นอกจากนี้ ภายใต้การขับเคลื่อนธรรมนูญฯ ก็ยังมีการดำเนินโครงการพระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด (พระคิลานุปัฏฐาก) หรือ อสว. โดยพระสงฆ์จะออกเยี่ยมเยียนญาติโยมที่ป่วยติดเตียง หรือเสียชีวิต เพื่อให้ธรรมโอสถกับญาติโยมที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถช่วยญาติโยมที่มีปัญหาได้เป็นจำนวนมาก ส่วนนี้การทำงานก็เป็นไปตามระบบที่วางไว้ และขณะนี้ก็มีมดงานอยู่ทั่วประเทศ “จะเห็นว่าทุกจังหวัดทุกพื้นที่จะมุ่งเน้นไปโควิดเป็นหลัก ซึ่งตรงนี้พระสงฆ์ก็จะทำงานร่วมกับภาครัฐควบคู่กัน เช่น ถ้าทางรัฐมีนโยบายการทำศูนย์พักคอยคณะสงฆ์ก็ตอบรับ ถ้าภาครัฐมีอะไรที่จะขอความช่วยเหลือคณะสงฆ์ก็พร้อมเต็มที่” พระเทพเวที ยืนยันความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ พระเทพเวที ย้ำด้วยว่า ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นคณะสงฆ์ก็จะทำงานในหน้าที่ของตนเอง คือการสงเคราะห์ชาวโลกตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสเอาไว้ ซึ่งก็คือการเดินจาริกเพื่อให้สงเคราะห์แก่ชาวบ้าน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาด้านจิตใจ การทำงานก็มีแผนการรองรับเตรียมไว้ มีการติดตาม ประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา โดยจะประสานกับหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งในฐานะที่เป็นพระก็มีความพร้อมที่จะทำอยู่แล้วบนฐานความเมตตา กรุณาตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ขณะเดียวกันเมื่อมีความต้องการจากหน่วยงานภาครัฐ คณะสงฆ์ก็พร้อมช่วยเหลือ.. จำนวนผู้ชม : 504 Leave a ReplyFacebook Comments More Articles By the same author ย้อนอดีตการตีระฆังของพระสงฆ์ และ มูลเหตุการทำระฆังเล็ก ๆ ถวายวัด มีที่มาจากไหน? อุทัย มณี ก.ย. 03, 2021 ระฆังเป็นเครื่องตีที่หล่อด้วยโลหะเป็นรูปคล้ายลูกฟักตัด… ก.วัฒนธรรมสรุป..สวดมนต์ข้ามปี’64 มีวัดร่วม 17,806 แห่ง มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 4,040,256 คน วัดไทยต่างประเทศร่วม 38 แห่ง ใน 22 ประเทศ อุทัย มณี ม.ค. 10, 2022 วันที่ 10 มกราคม 2565 ที่ศูนย์ประชุมกระทรวงวัฒนธรรมชั้น 8 อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์… วัดพระธรรมกายมอบสิ่งของ สมทบศูนย์สู้ภัยโควิด”มจร” อุทัย มณี พ.ค. 12, 2020 วันที่ 12 พฤษภาคม 2563 ตามที่ พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา… “วัดลาดปลาเค้า”ปันสูข! มอบข้าวถุงพยุงชีวิตสู้ภัยโควิด อุทัย มณี ก.พ. 05, 2021 "วัดลาดปลาเค้า"เปิดโครงการ"มอบข้าวถุง พยุงชีวิต"สู้ภัยโควิด… คุณหญิงสุดารัตน์ร่วมยินดีกับ ‘นงค์นาถ ห่านวิไล’ รับปริญญาป.เอก’มจร’ อุทัย มณี พ.ค. 27, 2019 วันที่ 26 พ.ค.2562 คุณหญิงดร.สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย… ภัย….พระพุทธศาสนารุกคืบ วอนนักคิดวางแผนยุทธศาสตร์รับ? อุทัย มณี ส.ค. 21, 2019 จากการติดตามผลงานพระมหาเถระในอดีตมาอย่างน้อย 3-4 รูป จึงพอสรุปได้ว่า..ภัยของพระพุทธศาสนา… นักลงทุนรายใหญ่กานา สนใจลงทุนร่วมกับไทย ถ่ายทอดความรู้จากโครงการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อุทัย มณี พ.ย. 27, 2022 นักลงทุนรายใหญ่จากสาธารณรัฐกานา สนใจลงทุนร่วมกับไทย จัดตั้ง… ย้อนรอยคดี “เงินทอนวัด” อุทัย มณี ม.ค. 05, 2022 วันที่ 5 ม.ค.65 จากกรณีที่ "ราชกิจจากิจจานุเบกษา" เผยแพร่ การตอบกระทู้ขอ… วธ.เชิญชวนแต่งชุดไทย นุ่งโจงห่มสไบ ร่วมงาน ชมโขนรามเกียรติ์งดงามตระการตา การแสดงศิลปวัฒนธรรม นิทรรศการสวนแสงเฉลิมพระเกียรติ พิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน ตลาดย้อนยุค ชิมอาหาร 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น อุทัย มณี เม.ย. 23, 2024 เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2567 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม… Related Articles From the same category แนะการศึกษาคณะสงฆ์ศตวรรษที่ 21 ด้วย ‘3R-7C’ใช้ ‘Big Data-AI’เสริมเผยแผ่พระพุทธศาสนา วันที่ 8 ก.ย.2562 พระสมุห์สมบัตร เทวธมฺโม นิสิตปริญญาเอก สาขาการพัฒนาสังคม… การ “บวช” หนีภัย “การเมือง” สมัยกรุงศรีอยุธยา หนึ่งในเหตุผลของการบวชในสมัยกรุงศรีอยุธยา คือบวชเพื่อหลบหนีจากภัยทางการเมือง… ป้ายหาเสียงแบบไหน..โดนใจชาวบ้าน โดย..บุญเลิศ ช้างใหญ่ ตามถนนหนทาง ซอยเล็กซอยน้อย ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดจะพบเห็นป้ายหา… “มจร วิทยาเขตขอนแก่น” ขยายศูนย์ไกล่เกลี่ยภาคประชาชน มุ่งบริการชุมชนสังคมเขตภาคอีสาน เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 พระโสภณพัฒนบัณฑิต,รศ. ดร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)… สมเด็จพระสังฆราชลงพระนาม “เลื่อนชั้นพระสังฆาธิการ” ทั่วประเทศ จำนวน 1,173 รูป วันที่ 12 มีนาคม 2568 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช…
Leave a Reply