วันที่ 25 พ.ย. 64 เวลา 10:30 น. ที่ห้องประชุมพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดน่าน พลตรี กัลย์สรรค์ จันทรเสน รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนและขยายผลการพัฒนาพื้นที่และคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ในพื้นที่จังหวัดน่าน โดย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ร่วมประชุมติดตามฯ โดยมี นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด นายอำเภอ ผู้แทนศูนย์อำนวยการจิตอาสาจังหวัดน่าน และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

พลตรี กัลย์สรรค์ จันทรเสน รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน กล่าวว่า เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี เมื่อครั้งเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดน่าน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2563 ได้มีดำริเกี่ยวกับการพัฒนาจังหวัดน่านด้านการพลิกฟื้นผืนป่าซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ เช่น การพัฒนาลุ่มน้ำน่านซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลัก และโครงการฮีโร่ฟื้นป่าน่าน และจังหวัดน่านได้น้อมนำเอาดำริดังกล่าว มาเป็นแนวทางในการพัฒนาจังหวัดน่าน ซึ่งในวันนี้เป็นการติดตามการดำเนินงานว่าได้รับผลสำเร็จอย่างไร เพื่อนำไปเป็นแบบอย่าง และหากพบสภาพปัญหาในการขับเคลื่อน จะได้ช่วยหารือกันเพื่อหาทางออก ให้สามารถทำงานได้ แก้ไขได้ และยังสามารถแก้ปัญหาภัยแล้งได้ด้วย
“ในการดำเนินการทั้งหลาย ต้องประชาสัมพันธ์ สร้างความรับรู้เข้าใจให้ถ่องแท้ ถ้าประชาชนเข้าใจชัดเจนอย่างถ่องแท้ว่า ที่ดินที่เขาใช้ประโยชน์สามารถทำให้เกิดความชุ่มชื้น มีอาหาร มีอาชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อให้เกิดความร่วมมือ การถ่ายทอดแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ และจะได้ลงพื้นที่ติดตามประเมินผลต่อไป” พลตรี กัลย์สรรค์ กล่าวเน้นย้ำ
ด้าน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หัวใจของการขับเคลื่อนการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่และคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” อยู่ที่ “คน” ดังนั้น จึงต้องพัฒนาคนให้มีความรู้และเข้าใจแก่นแท้ของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุกต์ สู่โคก หนอง นา โมเดล โดยการขุดดินในพื้นที่แปลงโคก หนอง นา นั้น เป็นการขุดตามสภาพภูมิสังคม ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องเร่งเสริมสร้างความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่ดินต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินที่ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องอย่างทั่วถึง และสมัครเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้ทางภาครัฐดำเนินการขออนุญาตหน่วยงานเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามกฎหมายให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินที่ได้รับอนุญาตในการดำเนินการเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุกต์ สู่โคก หนอง นา โมเดล มีสิ่งแวดล้อมที่ดี และมีความสุขตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ และศาสตร์พระราชา

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวต่อว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญและขับเคลื่อนนโยบาย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ซึ่งขณะนี้ยังมีพี่น้องประชาชนที่ด้อยโอกาส ไม่สามารถเข้าถึงภาครัฐ เพราะไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื่องจากที่ดินเป็นของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่ไปใช้ประโยชน์จากที่ดินที่มีลักษณะเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธาร และมีสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ มีความจำเป็นพิเศษที่ต้องได้รับการพัฒนา เพื่อให้มีองค์ความรู้ในการพัฒนาพื้นที่ ไม่ทำให้สิ่งแวดล้อมเสียหาย ดังนั้น การขับเคลื่อนการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่และคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ตามแนวพระราชดำริที่เราน้อมนำมาขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ พวกเราในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องอำนวยประโยชน์ช่วยพี่น้องประชาชนเหล่านั้นทำให้ถูกกฎหมาย เช่น ถ้าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่หน่วยงานราชการใด ก็ทำเรื่องขออนุญาตให้ถูกต้อง และหากเป็นพื้นที่ที่เป็นปัญหา ต้องรีบช่วยเหลือประชาชน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขับเคลื่อนศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ระดับต่าง ๆ ซึ่งเป็นการประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้แก้ปัญหาความยากจนให้กับประชาชน โดยจะมีทีมปฏิบัติการไปเคาะประตู Re x-ray ข้อมูลครัวเรือน อันจะเป็นโอกาสที่ได้ช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงบริการของรัฐซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุปัญหาความยากจน อีกทางหนึ่งด้วย “ดังนั้น กลไกภาครัฐทั้งหมดต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกครัวเรือนสมัครเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกิดความยั่งยืน”
นอกจากนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวถึงการขับเคลื่อนโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” ซึ่งขับเคลื่อนโดยเรือนจำจังหวัด/อำเภอ ทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้กำกับดูแลติดตามการดำเนินโครงการร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน นอกจากนี้ ขอให้มีทีมเข้าไปติดตามดูแลช่วยเหลือผู้พ้นโทษที่กลับไปประกอบอาชีพในพื้นที่ โดยเฉพาะแปลงโคก หนอง นา ที่เขาทำเอง ต้องลงไปช่วยไปดู ไปให้กำลังใจเป็นพิเศษ เพื่อพัฒนาเป็นวิทยากรต้นแบบให้กับผู้ต้องขังที่กำลังจะพ้นโทษให้สามารถนำองค์ความรู้ตามโครงการที่พระราชทานลงมาประกอบอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิต ให้มีความสุขได้อย่างยั่งยืน

ในการประชุมครั้งนี้ นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า จังหวัดน่านมีพื้นที่ทั้งสิ้น 7.58 ล้านไร่ จำแนกเป็นพื้นที่ป่าตามกฎหมาย (ทั้งป่าสงวนแห่งชาติ และป่าอนุรักษ์) 6.05 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 79.81 ของพื้นที่จังหวัด จากการสำรวจพบว่า ปัจจุบันมีประชาชนอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่า จำนวน 1.57 ล้านไร่ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการทำให้พื้นที่ป่าลดลง และกลายเป็นเขาหัวโล้น โดยจังหวัดน่านได้กำหนดเป้าหมายที่จะพลิกฟื้นป่า ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม โดยได้น้อมนำเอาแนวคิดการพัฒนาพื้นที่และคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” มาเป็นแนวทางหลักในการดำเนินการ และกำหนดให้เป็นนโยบายสำคัญของจังหวัด และมีวัตถุประสงค์การขับเคลื่อนและขยายผลให้บรรลุเป้าหมาย จากนั้น หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้นำเสนอผลการดำเนินการ อาทิ โครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่จังหวัดน่าน โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจ และความหวัง กรมราชทัณฑ์” และโครงการปิดทองหลังพระ เป็นต้น



Leave a Reply