ปลัดมหาดไทยเผยสรุปสถานการณ์วาตภัยห้วง 15-16 เม.ย. 66 เกิดสถานการณ์ในพื้นที่ 10 จังหวัด บ้านเรือนได้รับความเสียหาย รวม 1,781 หลังนครศรีธรรมราช สรุปยอดเรือประมงขนาดเล็กล่ม 9 ลำ อยู่ระหว่างการค้นหาลูกเรือผู้สูญหาย โดยปลัดมหาดไทย เน้นย้ำ ผู้ว่าฯ นายอำเภอ บูรณาการทุกภาคส่วนให้ความช่วยเหลือประชาชน และเฝ้าระวังสถานการณ์ พร้อมสร้างการรับรู้การปฏิบัติตนของประชาชนเมื่อเกิดภัย
วันนี้ 17 เม.ย. 66 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานภาพรวมการเกิดสถานการณ์วาตภัยทั่วประเทศ จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 66 ณ เวลา 22.00 น. พบว่าจากสถานการณ์บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านตะวันออก และทะเลจีนใต้แล้ว ส่งผลให้ลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ในระหว่างวันที่ 15-16 เม.ย. 66 และเกิดสถานการณ์ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ สุรินทร์ ชัยภูมิ สกลนคร อุบลราชธานี อุดรธานี ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช รวม 37 อำเภอ 86 ตำบล 235 หมู่บ้าน
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดความเสียหายนั้น มีบ้านเรือนพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย รวม 1,781 หลัง ได้แก่ 1) จังหวัดอำนาจเจริญ เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่ตำบลจิกดู่ อำเภอหัวตะพาน ตำบลนาเวียง อำเภอเสนางคนิคม เมื่อวันที่ 15-16 เม.ย. 66 ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 42 หลัง 2) จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดเหตุวาตภัย คลื่นลมแรงในพื้นที่ ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 66 เวลา 11.00 น. ส่งผลให้เรือเฟอร์รี่ขนาด 2,005 ตันกรอส ชื่อเรือ ราชา 10 จมในแบบตะแคงข้าง ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้โดยสาร 3) จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดเหตุวาตภัยและคลื่นซัดฝั่ง ในพื้นที่อ่าวปากพนัง ตำบลแหลมตะลุมพุก ตำบลขนาบนาก อำเภอปากพนัง ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา ตำบลช้างกลาง อำเภอช้างกลาง ตำบลดุสิต อำเภอถ้ำพรรณรา ตำบลสิชล อำเภอสิชล และอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 66 เวลา 08.00 น. ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 1 หลัง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เบื้องต้น เรือประมงขนาดเล็กล่ม 9 ลำ มีลูกเรือประมงสูญหาย อยู่ระหว่างการค้นหา 4) จังหวัดสุรินทร์ เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่ ตำบลแดงงุด ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง ตำบลหนองแวง อำเภอศรีณรงค์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 66 เวลา 21.00 น. ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 42 หลัง คอกสัตว์ 1 แห่ง 5) จังหวัดอุบลราชธานี เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอเขื่องใน พิบูลมังสาหาร บุณฑริก ตระการพืชผล น้ำยืน สิรินธร โขงเจียม สำโรง เขมราฐ และอำเภอเหล่าเสือโก้ก ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 602 หลัง ยุ้งฉาง 9 แห่ง คอกสัตว์ 2 แห่ง 6) จังหวัดสกลนคร เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่ ตำบลธาตุ ตำบลคูสะคาม อำเภอวานรนิวาส ตำบลกุดบาก อำเภอกุดบาก เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 66 เวลา 16.00 น. ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 42 หลัง 7) จังหวัดร้อยเอ็ด เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่ตำบลโพธิ์ศรีสว่าง ตำบลโคกสูง ตำบลนาดี ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอโพนทอง ตำบลหนองแวง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด ตำบลชุมพร อำเภอเมยวดี ตำบลบัวคำ อำเภอโพธิ์ชัย เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 66 เวลา 16.00 น. ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 92 หลัง 8) จังหวัดอุดรธานี เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่ ตำบลสร้างคอม ตำบลบ้านโคก ตำบลบ้านหินโงม อำเภอสร้างคอม ตำบลบ้านชัย ตำบลนาคำ อำเภอบ้านดุง เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 66 เวลา 15.30 น. ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 60 หลัง 9) จังหวัดชัยภูมิ เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่ ตำบลตลาดแร้ง ตำบลชีบน อำเภอบ้านเขว้า ตำบลหนองสังข์ ตำบลนาหนองทุ่ม ตำบลช่องสามหมอ อำเภอแก้งคร้อ ตำบลบ้านเล่า ตำบลนาฝ่าย ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองชัยภูมิ ตำบลหนองบัวโคก ตำบลบ้านขาม ตำบลกุดน้ำใส ตำบลหนองโดน ตำบลอมป่อย อำเภอจัตุรัส ตำบลหัวทะเล ตำบลบ้านตาล อำเภอบำเหน็จณรงค์ ตำบลโคกสะอาด ตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 695 หลัง และ 10) จังหวัดกาฬสินธุ์ เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่ตำบลคำใหญ่ อำเภอห้วยเม็ก ตำบลหนองแวง อำเภอสมเด็จ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 66 เวลา 15.00 น. ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 231 หลัง
“ด้านการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ได้สั่งการบูรณาการร่วมส่วนราชการและทุกภาคส่วนในพื้นที่ โดยมีสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.จ.) เป็นหน่วยประสานงานกลาง นำการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ทำการปกครองอำเภอ หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงพี่น้องประชาชนจิตอาสา อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อาสาสมัคร มูลนิธิ เข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือแล้ว นอกจากนี้ ตนได้เน้นย้ำให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ ได้ใช้กลไกทีมจังหวัด ทีมอำเภอ บูรณาการทีมที่เป็นทางการ คือ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ฯลฯ และทีมจิตอาสาภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ทั้งภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และภาคสื่อสารมวลชน ประชุมหารือวางแผนแนวทางการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยนอกเหนือจากงบประมาณภาครัฐตามที่กฎหมายกำหนด อันจะเป็นการเสริมสร้างพลังความรัก ความสามัคคี ความเอื้ออาทรซึ่งกันและกันในยามที่พี่น้องประชาชนกำลังประสบความทุกข์จากภัยธรรมชาติ และสำหรับในด้านการเฝ้าระวังภัย ขอให้ได้บูรณาการทีมงานเครือข่ายอาสาสมัครเตือนภัย “มิสเตอร์เตือนภัย” เพื่อสังเกต ติดตาม เฝ้าระวังสภาพอากาศ และสถานการณ์ภัยในพื้นที่ เป็นภาคีในการแจ้งเหตุและรายงานไปยังสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพื่อเตรียมดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ และแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติต่อไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงท้ายว่า ในช่วงเวลานี้ในหลายพื้นที่อาจจะเกิดสถานการณ์สาธารณภัยจากสถานการณ์วาตภัย คลื่นลมแรง รวมถึงภัยจากอัคคีภัย และอื่น ๆ จึงขอให้ทุกจังหวัดได้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้พี่น้องประชาชนได้ระมัดระวังตนเอง และรู้วิธีปฏิบัติตนเมื่อเกิดภัย รวมถึงช่องทางการติดต่อภาครัฐหากต้องประสบสถานการณ์ภัย เพื่อเป็นการป้องกันและบรรเทาความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ภัยในทุกช่องทางการสื่อสาร อาทิ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์และสถานีวิทยุ อสมท. รวมถึงสถานีวิทยุของหน่วยงานทหาร ตำรวจ มหาวิทยาลัย สถานีวิทยุชุมชน หอกระจายข่าว และสื่อโซเชียลมีเดีย และทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถแจ้งเหตุขอรับการช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย โทร. 1784 หรือทางไลน์ “ปภ. รับแจ้งเหตุ” โดยเพิ่มเพื่อนด้วย Line ID @ddpm1784 เพื่อติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ซึ่งสแตนบายรับแจ้งเหตุและประสานให้การช่วยเหลือ ตลอด 24 ชั่วโมง
Leave a Reply