สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ประธานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เยี่ยมวัดมอบชุดเครื่องบริโภคแก่ผู้ประสบอุทกภัย บูรณาการพลังบวรในจังหวัด
เมื่วันพุธที่ 5 ตุลาคม 2565 สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, ประธาน อ.ป.ก. ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม พระพรหมเสนาบดี กรรมการมหาเถรสมาคม, พระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค 10, พระธรรมวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา, พระเทพวราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี, พระครูนรนาถเจติยาภิรักษ์ ผู้แทนพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย – เนปาล และนายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี, นายสมบัติ พิมพ์สอน ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และพระสังฆาธิการ ข้าราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ร่วมลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อมอบถวายเครื่องสมณบริโภค เยี่ยมวัดที่ประสบอุทกภัย มอบชุดเครื่องบริโภคแก่ผู้ประสบอุทกภัย ผู้เปราะบาง เพื่อเตรียมการป้องกันอุทกภัยและประสานบูรณาการให้การช่วยเหลือวัดและประชาชนต่อไป
พระปัญญาวิสุทธิโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่าสเฟซบุ๊ก”พระปัญญาวชิรโมลี นพพร” ความว่า พ.ต.ท. สันติภาพ สายงาม รองผู้กำกับ สภ.เขื่องใน ช่วยอำนวยความสะดวกนำข้าวสาร 1 ตัน มาส่งที่วัดป่าศรีแสงธรรม เพื่อให้นักเรียน และคณะครูจิตอาสาแพ็กใส่ถุงยังชีพ 500 ถุง สำหรับนำไปแจกจ่ายประชาชนที่ได้รีบความเดือดร้อนจากน้ำท่วมจังหวัดอุบลราชธานีในครั้งนี้
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม วัดป่าศรีแสงธรรมได้นำปัจจัยไปหาข้าวสารมา 10 ตัน และของบรรจุในถุงยังชีพซึ่งนำไปแจกจ่ายสำหรับประชาชนทั่วไปส่วนหนึ่ง และข้าวสารจะนำไปเข้าครัวกลางของเทศบาลที่ได้ประกอบอาหารปรุงสุกให้กับประชาชนวันลละ 5-6 พันกล่อง จากการสอบถามนายวิรุจ วิชัยบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดูแลสถานการณ์น้ำท่วมว่าถ้าข้าวสารไม่พออาตมาจะให้อีกสัก 20-30 ตันพอไหม รองผู้ว่าราชการจังหวัดบอกว่าเหลือเฟือสำหรับครัวกลาง และจะเอามาแบ่งเป็นถุงยังชีพแจกจ่ายตามอำเภอรอบนอกที่ไม่ค่อยมีคนไปอีก
พรุ่งนี้จะทยอยเอาข้าวสารไปเข้าโรงครัวพระราชทานซึ่งเป็นโรงครัวกลาง และจะมีผลผลิตจากพี่น้องเครือข่ายโคก หนอง นา 25 อำเภอไปร่วมกันมอบให้ทางจังหวัดอีก เป็นความสวยงามทางสังคมที่มีการเอื้อเฟื้อแบ่งปัน คือการให้ทาน การให้โดยบริสุทธิ์ใจ ย่อมเกิดบุญกุศลอิ่มเอิบใจตามมา เพราะว่า “ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รัก” การสงเคราะห์ อนุเคราะห์ เกื้อกูลกัน เป็นแก่น เป็นรากเหง้าของศาสนาและวัฒนธรรมประจำชาติ ที่ควรธำรงรักษาการไว้ให้สมกับคำว่า “สืบสาน รักษา และต่อยอด” สื่งดี ๆ นี้สืบไป ขออนุโมทนาขอบคุณกับสาธุชนทุกท่านที่ร่วมบุญบริจาคแบ่งปันกันเพิ่มสีสันความสวยงามในสังคมมา ณ โอกาสนี้
ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊กพระมหาวีรพล ธรรมะอารมณ์ดีและพระปัญญาวชิรโมลี นพพร
Leave a Reply