“สงฆ์ภาค 14”  สัมมนาเข้ม!! “ตำรวจพระ”  “หลวงพี่น้ำฝน” ประกาศ ขอเป็นหน้าด่านลุยเอง!!

วันที่ 28 ก.พ. 67  ที่วัดบางช้างเหนือ ตำบลคลองใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พระธรรมวชิรเจติยาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในการเปิดโครงการสัมมนาพระวินยาธิการ ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม ภาค 14 โดยในการสัมมนาดังกล่าว มีการเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามพราน เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เข้าร่วมแลกเปลี่ยนในการให้ความรู้ในการจัดระเบียบการปกครองของคณะสงฆ์ในจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นแนวทางในการดำเนินการของพระวินยาธิการ(ตำรวจพระ) ซึ่งได้มีการแต่งตั้งสำหรับดำเนินการในการติดตามตรวจสอบการร้องเรียนต่างๆ เกี่ยวกับคณะสงฆ์รวมถึงช่วยตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่จะมีการปลอมแฝงตัวมาอาศัยในการแต่งกายเป็นพระซึ่งจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียหรือทำให้เกิดความไม่สบายใจในสังคม

จากนั้นได้มีการเปิดให้มีการสอบถามเกี่ยวกับข้อปฏิบัติและหลักการทางกฎหมายและหลักทางในทางปกรองของคณะสงฆ์ ก่อนที่พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าคณะภาค 14 เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) จะเดินทางเป็นประธานในพิธีปิดการสัมมนาฯ พร้อมกับมอบบัตรประจำตัวให้กับคณะพระวินยาธิการที่ได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งอย่างเป็นทางการทั้ง 76 รูป ใน เขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม ภาค 14 ซึ่งจะมีการทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมตามที่ได้มีการประชุมและเป็นไปตามที่ พระพิพัฒน์ศึกษากร เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ได้ลงนามในคำสั่ง เรื่องการแต่งตั้งพระวินยาธิการประจำจังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566

พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าคณะภาค 14 เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ได้ให้โอวาทว่า ในการดำเนินการตแต่งตั้งพระวินยาธิการ ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม ภาค 14 เป็นสิ่งที่เคยผลักดันมานานแต่ก็ยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างชัดเจน ซึ่งสมัยก่อนไม่มีแม่งานในระดับอำเภอ ทำให้การทำงานของคณะพระวินยาธิการจะเป็นไปแบบที่ทำไม่ครบทุกอำเภอ แต่การแต่งตั้งอย่างชัดเจนครั้งนี้ก็จะทำให้ลงไปลึกถึงในระดับตำบล ซึ่งจะเห็นได้จากโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ซึ่ง เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (เจ้าคุณธงชัย) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดไตรมิตรวิทยาราม ได้ลงมาขับเคลื่อนด้วยตัวเองจึงเกิดผลสัมฤทธิ์ และการดำเนินการของพระวินยาธิการก็จะมีการตรวจสอบเรื่องร้องเรียน ของคณะสงฆ์ที่ปฏิบัติตนไม่ถูกต้องผิดตามหลักพระธรรมวินัยและตามหลักของมหาเถรสมาคม นอกจากนี้ในส่วนของการทำงานก็จะมีการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องบุคคลที่แต่งกายเลียนแบบพระและออกเรี่ยรายเงินมีการปักหลักปักฐานตามรีสอร์ทบ้างตามหมู่บ้านบ้างซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะจะช่วยทำให้ศรัทธาของญาติโยมเกิดความสบายใจขึ้น

ด้าน พระครูประสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะประธานคณะทำงานดำเดินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 กล่าวว่า อาตมาได้รับการแต่งตังโดยอาศัยอำนาจตามความในกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 23 (พ.ศ.2541) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ ข้อ 10 (1) (3)และ(5) โดยพระเดชพระคุณ พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง จ.นครปฐม เจ้าคณะภาค 14 มีหน้าที่ แก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 ประกอบด้วยจังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดสมุทรสาคร โดยเร่งด่วน

ทั้งนี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง มติประกาศมหาเถรสมาคม และพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช หรือตามคำสั่งเจ้าคณะภาคแล้วแต่กรณี โดยการทำงานให้บูรณาการร่วมกับเจ้าคณะผู้ปกครอง พระวินยาธิการ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจในพื้นที่นั้นๆ ที่เกิดอธิกรณ์ ข้อร้องเรียน และเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นๆ สิ้นสุดแล้วให้รายงานเจ้าคณะภาคทราบ”

พระครูประสิทธิวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับในกรณีที่อาตมาได้ทำการจับพระที่ไม่ยอมกลับวัดจนกระทั่งเป็นข่าวดังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการร้องเรียนของประชาชนที่ทนดูพฤติกรรมมานานแล้วรู้สึกไม่สบายใจจึงได้มีการเข้าตรวจสอบและพบว่าพระรูปดังกล่าวได้อาศัยอยู่ในบ้านเรือนไม่ยอมกลับวัดจริง รวมถึงมีการดัดแปลงเอกสารในการมีพักพิงเป็นสำนักสงฆ์ในจังหวัดกาญจนบุรีซึ่งผิดหลักการ จากนั้นจึงได้เนินการประสานไปยังเจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ให้ตรวจสอบเอกสารสูจิบัตรก็พบว่ามีความผิดจึงได้นำมาสู่การให้ลาสิกขาออกไป  แต่หลังจากทำการสึกไปแล้วพบว่าชายคนดังกล่าวได้มีพฤติกรรมกลับมาห่มจีวรและยังออกเดินบิณฑบาตเรี่ยไรเงินจากญาติโยมอยู่เมื่อออกตรวจสอบพบจึงได้มีการประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มารับตัวพร้อมกับเจ้าหน้าที่พระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐมเนื่องจากชายคนดังกล่าวเป็นพระแล้วจึงอยู่ในอำนาจขอบเขตของกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งหากเราดำเนินการก็จะจะมีกระบวนการดำเนินการที่เป็นไปตามหลักการไม่ผิดข้อข้อระเบียบเช่นนี้

“ขอแจ้งไปยังเจ้า อาวาสในสังกัดภาค 14 หากวัดใดพื้นที่ใดในเขตรับผิดชอบประสบปัญหาเรื่องดังกล่าวและยังไม่มีประสบการณ์ในการเข้าดำเนินการขอให้โทร มาที่อาตมาหรือแจ้งมาซึ่งจะได้มีการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทั้งนี้ทั้งขอยืนยันว่าจะขอทำงานให้อยู่ในตามหลักของความถูกต้องและทำให้ประชาชนสบายใจเมื่อได้เห็นพระภิกษุสงฆ์ได้ออกกิจนิมนต์ในด้านต่างๆโดยที่ไม่มีอะไรค้างคาใจ อาตมาขอเป็นด่านหน้าเอง” หลวงพี่น้ำฝนกล่าวปิดท้าย

Leave a Reply